วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

เรื่องย่อ บ่วง ตอน3 ละคร ช่่อง3



ย้อนกลับไปสู่อดีต...วันนี้ คุณหลวงมาเดินเป็นเสือติดจั่นอยู่ด้านหน้าบ้านใหญ่ ขณะคุณหญิงเนื่องผู้มารดากำลังพูดคุยอย่างเป็นงานเป็นการอยู่ข้างบน พอชื่นกลิ่นมาทักทายอย่างไม่คาดฝัน คุณหลวงตื่นเต้นยิ้มจนหน้าแดง รับไหว้แทบไม่ทัน พร้อมตอบคำถามชื่นกลิ่นที่ไม่ขึ้นไปข้างบนว่า ขึ้นตอนนี้ไม่เหมาะ

“ทำไมล่ะคะ” ชื่นกลิ่นสงสัย มองขึ้นไปเห็นคุณหญิงอบเชยคุยกับคุณหญิงเนื่อง ชักเป็นห่วง “มีข่าวสงคราม หรืออะไรร้ายแรงเหรอคะ”

“ร้ายแรงหรือไม่...คุณแม่พี่กำลังทาบทามขอ

ลูกสาวชาวบ้าน...แบบนี้เรียกว่าร้ายแรงรึเปล่า”

“ขอลูกสาวชาวบ้าน” ชื่นกลิ่นอุทาน พอนึกได้ รีบหันหน้าหนีเขินอาย

“ต้องเรียกเหตุมงคลสินะ” คุณหลวงยื่นหน้าเข้าประชิด ชื่นกลิ่นรีบหันหน้าเดินหนีสะเทิ้นอาย

“คุยกันอยู่ดีๆ จะเดินหนีไปไหน” คุณหลวงตามติด ชื่นกลิ่นรีบออกตัวว่า อุ่นของไว้ในครัว แต่คุณหลวงไม่ยอม คว้าข้อมือไว้ “พี่ตื่นเต้นจนไม่กล้าขึ้นไปฟังด้วยตนเอง ยืนใจสั่นหวั่นว่า หากคุณหญิงแม่ของน้องปฏิเสธ พี่คงด่าวดิ้นสิ้นใจตรงหน้าน้องเป็นแน่แท้” ชื่นกลิ่นพยายามดิ้นขอให้ปล่อย แต่คุณหลวงไม่สน “แต่หากท่านตอบตกลง พี่คงเหมือนได้ขึ้นสวรรค์...แม่ชื่นของพี่ ชีวิตของพี่ จะเป็นจะตาย จะสุขหรือทุกข์ ขึ้นอยู่กับแม่ชื่น เพียงคนเดียว”

คุณหลวงดึงชื่นกลิ่นเข้ามากอดไว้เต็มอก เธอดิ้นเล็กน้อยพองาม...ทั้งสองเหมือนลอยบนสรวงสวรรค์...หารู้ไม่ว่า อีแพง...แอบมองตาพองด้วยแรงริษยา มันกำมือด้วยความแค้น ก่อนจะวิ่งหนีความชอกชํ้าใจ...

ooooooo

บนบ้าน คุณหญิงเนื่องกำลังถกเรื่องหนุ่มสาวทั้งสองอย่างติดพัน แต่ไม่รู้ว่าอีแพงมันดอดมาแอบฟังด้วยความอยากรู้ว่าสองคุณหญิงพูดอะไรกัน

“พ่อศังกรทำงานหนัก เป็นคุณหลวงแต่อายุยังน้อย แต่ไม่เคยชายตามองหญิงใด คราวนี้มาสารภาพกับแม่ว่า ถึงกับนอนไม่หลับ หลังจากได้คุยกับแม่ชื่น มาบอกดิฉันยังงี้ น่าขันไหมเจ้าคะ” คุณหญิงอบเชยสะกด ความปลื้มไว้ “หากคุณหญิงอบเชยไม่รังเกียจ ดิฉันจะส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอถึงเรือน”

“มาสู่ขอ...” คุณหญิงอบเชยงึมงำ คาดไม่ถึงจะไวปานนี้

“หรือว่า แม่ชื่นกลิ่นมีคู่หมายเสียแล้ว”

“โอ๊ะๆๆ...ไม่...เพียงแต่ดิฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเด็กกะโปโลอย่างแม่ชื่น จะมีวาสนาดีถึงเพียงนี้ ดิฉันต่างหากต้องกราบขอบพระคุณคุณหญิงและคุณหลวง ที่กรุณาต่อครอบครัวเรา” ว่าแล้วคุณหญิงอบเชยรีบไหว้คุณหญิงเนื่อง...“ดิฉันปลื้มใจจนบอกไม่ถูกแล้ว” นํ้าตาคลอ ดีใจ คุณหญิงเนื่องยิ้มในหน้า

“นังชื่นกลิ่น...” สองคุณหญิงไม่ได้ยินเสียงคำรามในไรฟันของอีแพง “ในที่สุด แกก็แย่งของของฉัน คุณหลวง เป็นของฉัน ฉันจะเอาคุณหลวงคืนมาให้จงได้”

ooooooo

ดึกแล้ว...ทหารผู้น้อยชื่อกล้ากำลังคุยกับเพื่อนๆที่หน้ากระทรวงกลาโหม แปลกใจที่สาวงามแต่งตัวสวยมาเยือน ถามกล้าว่า เป็นทหารคนสนิทของคุณหลวงใช่ไหม ถูกซักกลับ แพงจึงแจ้งชื่อเสียงเป็นบ่าวคุณหญิงอบเชย มีข่าวสารจะมาแจ้งคุณหลวง แม้กล้าจะบ่ายเบี่ยงว่าดึกแล้ว อีแพงไม่ฟัง ยืนกรานว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ขอไปแจ้งกับตัวท่านเอง

ในที่สุดกล้าต้องพาแพงไปถึงหน้าห้อง แพงขอเข้าไปพบท่านเอง...แพงเข้าไปนั่งที่พื้น กราบแทบเท้า คุณหลวงที่ยังนั่งโต๊ะทำงาน คุณหลวงจำอีแพงได้ จึงบอกว่ามาทำไม นี่ดึกมากแล้ว แพงบอกปัดทุกคำถาม เข้านวดแข้งขาไม่ยอมปล่อย

“จะเป็นบ่าวใครก็ช่าง แต่ท่านช่วยชีวิตอีแพงไว้ อีแพงจะเป็นทาสท่านไปตลอดชีวิต” ว่าแล้วมันรุกคืบเข้าไปนั่งตัก ทำท่าทางยวนยั่ว ลูบไล้เนื้อตัวคุณหลวง ถามว่าดึกแล้วนํ้าค้างลงหนาวนัก หญิงชายเขาเข้าห้องหับ หาความสุข ท่านไม่เหนื่อยหรือเจ้าคะ มันจับฉวยเสื้อผ้า คุณหลวงตกใจรีบผลักไส แต่อีแพงเสนอตัวให้ท่าน ทำอะไรมันก็ได้ทุกอย่าง...คุณหลวงปัดป้องเนื้อตัว ออกปากไล่มัน กล้าเดินไปมาข้างนอกได้ยินเสียงนาย มองลอดหน้าต่าง เห็นอีแพงปลุกปลํ้า...วิ่งมาเคาะประตู ร้องให้ท่านสั่งมาจะให้มันทำยังไง จะให้นางอยู่ มันจะปิดหน้าต่างและปิดปากตลอดชาติ อีแพงรำพัน ร้องขอให้คุณหลวงทำอะไรมันได้ทุกอย่าง

“เอาผู้หญิงคนนี้ออกไป ข้าไม่ได้สั่งให้นางมา”...

อีแพงได้ยินอ้าปากค้าง นึกไม่ถึงว่าคุณหลวงจะทำร้ายจิตใจมันเพียงนี้...กล้ารีบเข้ามา ลากตัวอีแพงออกจากห้อง อีแพงร้องขอให้คุณหลวงช่วย แต่กล้าหิ้วมันออกมา เหวี่ยงมันลงไปกองกับพื้น ด่าอย่างหยามเหยียดว่า สำนักโสเภณีไหนส่งเอ็งมาให้คุณหลวง อีแพงยืนกรานไม่มีใครส่ง มันเป็นหนี้ชีวิตท่าน จึงมามอบกายให้ท่าน อีแพงไม่ใช่บ่าว แต่จะเป็นเมียคุณหลวง จะได้ทุกอย่างที่เป็นของข้า

“เมื่อชีวิตไม่มีทางเลือก ก็ขอเดินทางมืด ไม่แปลก อีแพงยอมให้ทั้งเมืองประณาม ดีกว่าพ่ายแพ้ชีวิต เมื่อครู่ หากท่านไม่เข้ามา คุณหลวงต้องโอนอ่อนต่อข้า แต่ไม่เป็นไร คราวหน้าข้าจะไม่พลาดอีก”

จากวันนั้น...คุณหลวงให้ทหารไปสืบ ก็รู้ว่าอีแพงเป็นบ่าวบ้านคุณหญิงอบเชย มันสมัครใจมอบกายให้ท่านโดยไม่มีใครสั่ง คุณหลวงจึงรู้ว่า หลังจากได้ช่วยชีวิตมันแล้ว ท่านได้พบอีแพงเกือบทุกที่ที่ท่านไป มีวันหนึ่ง ท่านขับรถไป อีแพงเอาห่อของวิ่งตามรถ จะเอาให้ท่าน แต่ไม่ได้จอดรับมัน แต่ครั้งหลังต่อมา มันหิ้วกระบอกไม้ไผ่ใส่นํ้าดื่มวิ่งตามรถ คุณหลวงวิ่งรถเลยไป มองหลังเห็นท่าทางมันเสียใจ ท่านจึงถอยรถมารับของจากมัน มันก้มลงกราบแทบพื้น สีหน้ามันมีความสุข ตอนที่ท่านขับรถจากไป...คุณหลวงเริ่มเวทนามันบ้างแล้ว

คุณหลวงระบายความรู้สึกให้กล้าฟังถึงท่าทางสายตาอีแพง กล้าสรุปให้นายทันทีว่า...มันเหมือนสัตว์เลี้ยงที่รอคอยเจ้านาย “แล้วท่านรู้สึกอย่างไรกับมัน...เมื่อเทียบกับคุณชื่นกลิ่นของท่าน”

“ไม่เหมือนกัน ทุกครั้งที่ข้าเห็นแม่ชื่น ข้าเห็นความร่มเย็น เห็นบ้านและลูกหลาน เห็นอนาคตอันมั่นคงของข้า...ไอ้กล้า เอ็งฉลาดกว่าทุกคน เอ็งคิดสิ่งใดบอกมาเถิด”

“สำหรับสตรี บ่วงรักและบ่วงเสน่หามิอาจแยก

จากกัน แต่สำหรับชาย บ่วงรักเป็นคนละสิ่งกับบ่วงเสน่หา โดยมิจำเป็นต้องมีความรัก...ท่านมีคุณชื่นกลิ่นเต็มหัวใจ มิได้เสน่หานางแพง แต่อาจจะตกหลุมเสน่หาได้ทุกเวลา”

“ข้าสงสารนางมากกว่า แววตาเศร้า ชีวิตนางคงไม่มีความสุขนัก”

กล้าฟังแล้วก้มหน้าลง กังวลยิ่งขึ้น หวาดวิตกในใจ “แย่แล้ว คุณหลวงของไอ้กล้า สงสารน่ากลัวกว่าความเสน่หาและความรักเสียอีก เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นของทั้งรักและเสน่หา...”

ส่วนคุณชื่นกลิ่นนั้นเล่า เมื่อคุณหญิงอบเชย ผู้มารดาอบรมลูก โดยมีบ่าวเพ็ญนั่งเสนอหน้าอยู่ด้วย และเป็นคนถามเรื่องการสู่ขอคุณชื่นกลิ่น คุณหญิงจึงหันไปทางชื่นกลิ่นที่ก้มหน้าอันแดงเรื่อมองพื้นก่อนตอบ

“ชีวิตลูกเป็นของคุณแม่ แล้วแต่คุณแม่เถอะค่ะ”

“แม่ตอบตกลงไปแล้ว ลูกชื่นกลิ่น หลวงภักดีมีทั้งรูปทั้งเกียรติ ต่อไปนี้เจ้าต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ช่วยเหลือการงานท่าน แล้วจงทำตนให้มีคุณค่า ให้สมฐานะของคุณหลวงเถิด” คุณหญิงดึงตัวลูกสาวมากอดด้วยความรักสุดสวาทขาดใจ...

ไม่กี่วันต่อมา เมื่อได้ฤกษ์งามยามดี คุณหญิงเนื่องก็ได้เชิญท่านหญิงพระองค์หนึ่งเป็นเถ้าแก่มาสู่ขอชื่นกลิ่นจากคุณหญิงอบเชย...พิธีการเจรจาสู่ขอเป็นไปด้วยความราบรื่นตามประเพณีอันดีงามทุกประการ

หลังพิธีการ ผู้ใหญ่นั่งสนทนากันอย่างชื่นมื่น คุณหลวงจึงหลบออกทางหลังบ้าน พอเห็นชื่นกลิ่นกำลังเก็บดอกไม้อยู่คนเดียว รีบเข้าไปรวบตัวจากข้างหลัง ตัดพ้อที่หนีมาเก็บดอกไม้ แล้วป้อนคำหวานให้กันอย่างลึกซึ้งถึงความหอมหวานของดอกไม้ คุณหลวงเน้น ไม่ว่าดอกไม้ใดในโลก ท่านสนใจดอกไม้ทิพย์มากกว่า ว่าแล้วโอบกอดดอกไม้ทิพย์ทันที

“นี่ไง ดอกไม้ทิพย์ของพี่ มีเจ้าอยู่เคียงข้าง พี่ไม่จำเป็นต้องกินอาหารใดๆอีกแล้ว...แม่ชื่นกลิ่นของพี่ เจ้าเป็นเช่นพี่หรือไม่ นับเวลาทุกโมงยาม เพื่อให้ได้เป็นคู่ชื่นโดยเร็ว...” คุณหลวงสูดกลิ่นจากแก้มหอมระรื่น ชื่นกลิ่นเบนหนีพอเป็นพิธี...หลังพุ่มไม้ไม่ห่างนัก อีแพงยืนมองกำมือแน่นด้วยความเจ็บปวดและริษยา

“อีชื่นกลิ่น เอ็งแย่งดวงใจข้า ข้าจะตามรังควานเอ็ง

ไม่ให้มีความสุข คอยดูไปเถิด...”

ooooooo

เวลาย้อนกลับมาสู่ปัจจุบัน...ศามนที่ถูกมนต์ดำกระทำให้ตกอยู่ในความฝัน รู้สึกตัวตื่นขึ้น พบตัวเองอยู่ที่สะพานสระบัวของเรือนเล็ก บ่นกับตัวเองว่า ฝันบ้าๆอีกแล้ว สะบัดหัวหันไปปลุกเดือนแรม พอลืมตา เดือนแรมก็เริ่มงงไปอีกคนว่า ตัวเป็นอะไรไป ศามนรีบประคองพาเดือนแรมกลับไปยังเรือนใหญ่

รัมภามองเห็นสามีประคองเดือนแรมมา รีบถามอย่างห่วงใยว่าเป็นอะไรไป เดือนแรมบอกเป็นลมอยู่สวนหลังบ้าน คงจะเพราะนอนน้อย ว่าแล้วขอตัวจะกลับบ้านแต่ไม่มีรถ ขอศามนไปส่ง ดีดี้ขอให้คุณรัมภาไปด้วยจะได้รู้จักบ้านไว้ ในที่สุดรัมภาไปด้วย ให้บุญสืบช่วยอยู่ดูแลเด็กๆ

บ้านเดือนแรมเป็นแบบโบราณ สร้างกลางสวน ผลไม้ ศามนพารัมภาเดินดูทางด้านหน้า เพราะตอนนี้คํ่าแล้ว...เดินไปไม่นาน รัมภาจะเข้าห้องนํ้า จึงเดินลัดไปทางหลังบ้าน ทางเดินดูมืดทึม แล้วต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงครางฮือๆน่ากลัว รีบเข้าห้องนํ้า เพราะไม่รู้เสียงใคร...พอออกจากห้องนํ้า ได้ยินเสียงก๊อกๆหลายครั้งเหมือนเสียงผี พยายามมองสอดส่าย...แล้วรัมภาก็กรี๊ดยาว เมื่อภาพที่เห็น นั่นคือยายแก่หน้าเหี่ยวย่น ผมขาวโพลน...

รัมภาสลบไปทันที...

ศามนได้ยินรีบวิ่งมาตามเสียง...พอเห็นรัมภาแน่นิ่ง รีบอุ้มไปบนบ้านเดือนแรม ทุกคนในบ้านวิ่งมานวดเฟ้น ดีดี้เอายาหอมให้สูดดม พอรัมภาฟื้นขึ้นมา ผวากอด ศามนตัวสั่นสะท้าน ปากบอกสามีว่าเธอเห็นผี เดือนแรมหน้าจ๋อยรีบบอกว่า ที่เห็นนั้นไม่ใช่ผี แต่เป็นยายเพ็ญ ยายทวดของเธอเอง อายุเก้าสิบกว่า ใกล้หลักร้อย ไปไหนมาไหนใช้ไม้เท้าเดินกุกกักๆ จำอะไรไม่ค่อยได้ ไม่มีแรง เหม่อทั้งวัน

จากนั้นพาทุกคนไปดูสภาพยายเพ็ญในห้องนอน ตอนนี้กำลังส่งเสียงครางฮือๆ ร้องเรียกอีเนียนให้เอาข้าวมากิน ยายหิวแล้ว...ดีดี้รีบบอกว่า คุณทวดทานข้าวไปแล้ว จากนั้นดีดี้ยังรู้มากเล่าต่อ...ยายทวดเพ็ญเคยรับใช้คุณหญิงอบเชยมานานแล้ว มีลูกสาวชื่อเนียน...ยายเนียนนี่ก็แม่พี่เดือนเขา และตายไปนานแล้วด้วย...

ที่บ้านใหญ่...บุญสืบพารัสตี้กับไลล่าทานอาหารแล้ว จึงมานั่งที่ห้องนั่งเล่น...ผีอีแพงเห็นอยู่แต่เด็กๆ จึงคิดจะมาเล่นงาน สำแดงอำนาจใส่ทวดอบเชยที่ยังอยู่ในโลงเพื่อจะคอยดูแลลูกหลานจากวิญญาณอาฆาตของผีอีแพง...

เมื่อควันดำจากผีอีแพงลอยวูบวาบเข้ามาในบ้าน ควันขาวของคุณทวดก็ลอยมาสกัดทันที สองวิญญาณประจันหน้า ทวดอบเชยประกาศจะไม่ยอมให้มันมาทำอะไรหลานกูเด็ดขาด ว่าแล้วสองวิญญาณเข้าตะลุมบอนกันทันที ขณะจิกเค้นเน้นกันให้ตายนั้น อีแพงด้วยแรงแค้นสะบัดอบเชยกระเด็นไปไกล ชนผนังบ้านตูมใหญ่จนร้องจ๊ากแล้วร่วงลงพื้น อีแพงสำทับ

“หน็อยแน่ สั่งลูกหลานให้ตั้งศพไว้ ไม่ยอมไปผุดไปเกิด แล้วเป็นไง ก็ปกป้องลูกหลานไม่ได้”

“ที่เรือนใหญ่นี้ วิญญาณกูจะสิงสถิต ปกป้องไม่ให้ใครมาทำลายลูกหลานกู” ทวดเสียงแข็ง

“ไม่เห็นจะยั่นระย่อ อีกหน่อย คุณหลวงจะไปอยู่เรือนเล็กของข้า เรือนที่เราเคยร่วมรักเสน่หากันมานาน เมื่อใดคุณหลวงไปที่นั่น เขาจะอยู่ใต้มนต์ดำของอีแพง”

“ไม่...ข้าไม่ยอมให้ลูกหลานย้ายเข้าไปอยู่ในเรือนของเอ็ง เขาต้องอยู่ที่เรือนใหญ่นี่ ข้าจะคุ้มครองเขา”

“ถุย...” ผีอีแพงถุยดังกว่าคนหลายเท่า “ลืมละสิ คราวที่แล้วข้าพังงานศพเอ็งกระจุยมาแล้ว แรงรักหรือจะเท่าแรงแค้น บ่วงรักมิอาจสู้บ่วงแค้น...ยังไงข้าก็มีอำนาจมากกว่าเอ็ง”

“ข้าไม่ยอม ข้าจะช่วยลูกหลานข้าจนถึงที่สุด” ว่าแล้วทวดอบเชยกลายร่างเป็นควันขาว...ละลายหายวับไป

ที่ห้องนอนยายทวดเพ็ญ...เดือนแรมเล่าเรื่อง

ต่อไปว่า ยายทวดเพ็ญของเธอเคยเป็นต้นห้องคุณหญิงอบเชย ยายคุณศามนนี่เอง ท่านผูกพันกันมาก บางทียายทวดเพ็ญเพ้อว่าคุณหญิงมาเยี่ยม ลุกขึ้นนั่งพนมมือแต้ไหว้ข้างฝา...

ยามนั้นกลุ่มควันสีขาวลอยเข้ามาในห้อง...ยายทวดอบเชยมาขอใช้ร่างเพ็ญ แล้วหายเข้าสิงในตัวยายเพ็ญ ทันที...เดือนแรมชวนทุกคนออกไปทานข้าวเย็นกัน แต่แล้วยายทวดเพ็ญกลับแข็งแรง ลุกขึ้นดึงแขนเดือนแรมไว้ แล้วบอกเสียงใหญ่กว่าเดิม

“ย้ายไปที่นั่นไม่ได้” ว่าแล้วทวดเพ็ญหันไปบีบคอศามน ทุกคนตกใจร้องกรี๊ดสนั่น รัมภาเข้าช่วยศามน ทวดเพ็ญยํ้าอีก “ข้าบอกว่า เอ็งย้ายเข้าไปเรือนเล็กไม่ได้ ได้ยินไหม ย้ายไม่ได้เด็ดขาด” ทุกคนช่วยกันดึง

แต่ทวดเพ็ญแข็งแรงผิดปกติ สั่งต่อ “อยู่บ้านเล็ก เอ็งจะตกอยู่ในอำนาจของมัน จะตกใต้คาถามนต์ดำของมัน มันจะใช้กามรสครอบงำเอ็ง เอ็งจะฉิบหาย ได้ยินไหม”

ทุกคนเข้ามาช่วยกันดึง ในที่สุดศามนจึงรอดตาย ร่างของทวดเพ็ญผงะล้มตึงลงบนที่นอน...พอดีหมอมาถึง เตรียมจะฉีดยาให้ ยายเพ็ญยังฮึด ร้องให้ปล่อย “อย่ามายุ่ง กูจะพูดกับลูกหลานกู” แต่พอหมอฉีดยาเสร็จ

ทวดเพ็ญก็ม่อยกระรอกหลับไปทันที...เดือนแรมบอกดีใจที่วันนี้ครบวันที่หมอมาดูยายพอดี ไม่งั้นยุ่งแน่ ศามนคลำคอป้อยๆระคนแปลกใจ...


เมื่อกลับถึงบ้านใหญ่ รัมภายังติดใจที่ทวดเพ็ญพูดเหมือนผีเข้า ไม่ให้ย้ายไปเรือนเล็ก จะตกอยู่ใต้อำนาจราคะของมัน จะถึงขั้นฉิบหาย ศามนร้องขัด เพราะไม่เชื่อ เป็นเรื่องคนแก่ความจำเสื่อม อย่าสนใจ ว่าแล้วจะโหมร่างตระโบมจูบรัมภา แต่เธอไร้อารมณ์ รีบขอร้องว่าวันนี้เพลีย ทำให้ศามนถึงกับอดเสน่หา บ่มพึมว่าการแต่งงานไม่ดีเลย มันทำลายความรักของเรามากกว่า ว่าแล้วศามนหันหลังให้ รัมภาได้แต่อึ้งกิมกี่...

ooooooo

วันนี้รัมภาแปลกใจ เห็นศามนพาพวกอนุกูลพร้อมเลขาฯทั้งสองมาด้วย จะมาทำบาร์บีคิวกินกัน ส่วนเขาจะพาช่างไปซ่อมบ้านหลังเล็ก ทำให้รัมภาพูดไม่ออกได้แต่กลอกหน้า เพราะเรื่องซ่อมและย้ายไปบ้านเล็ก ศามนไม่เคยตกลงอะไรกับเธอเลย...

เมื่อจะทำอาหารกินกัน รัมภาเองก็อยากไปดูตลาดสด จึงชวนพัชนีกับยายคำไปซื้อของ และที่ตลาดสดนี่เอง ได้พบเดือนแรม ซึ่งเป็นเจ้าของตลาดที่เค็มมาก เป็นไม้เบื่อไม้เมากับแม่ค้า โดยเฉพาะพวกเจ๊น้อย เจี๊ยบ และแอน เดือนแรมวางมาดเป็นผู้ดี แต่พอโกรธก็ออกลายแม่ค้าระดับตลาดแตก ถึงกับลงมือลงไม้กันจนขยะเต็มหัวหู พอเห็นพวกคุณรัมภามา จึงได้รีบเปลี่ยนมาดเป็นผู้ดีไฮโซทันที

ขณะนั่งคุยกับพวกคุณรัมภา ดีดี้จึงเอาเรื่องเก่ามา เปิดโปงว่าเมื่อก่อนพระเอกมาถ่ายละครที่หลังตลาด เดือนแรมก็มีเรื่องแย่งถ่ายรูปกับพระเอก จนตบตีกับพวกนังแอนนังเจี๊ยบจนตลาดแตกมาทีแล้ว เดือนแรมปรามดีดี้อย่าปากมาก แต่พวกนังน้อยก็เร่มาเสริมทันทีว่า งานนั้นเดือนแรมไม่ได้พระเอก แต่ได้ตัวประกอบ มันย้ายมาอยู่บ้าน เป็นผัวคนที่ 3 ไปเลย เดือนแรมชี้หน้าด่ายายน้อย...แล้วหันไปบอกคุณรัมภาว่า วันนี้ไม่ค่อยสบาย เดือนแรมอายชิ่งหนี พวกยายน้อยหัวเราะคิกๆ บอกว่า คุณนายไฮโซวิ่งโร่ตูดแป้นหนีไปเลย...

กลับมาถึงบ้าน รัมภายังได้ฟังบุญสืบกับนายหล้าแย่งกันเล่าว่า ยายเพ็ญเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงคุณหญิงท่าน เลยขายที่ดินถูกๆให้ พอเขาตัดถนนผ่านเลยโชคดี ผ่านรุ่นนางเนียนมารุ่นคุณนายเดือนแรมยิ่งรวยใหญ่ บุญสืบสรุป...คุณนายเดือนแรมขายห้องแถวทีได้ผัวที ใช้ผัวเปลืองยิ่งกว่ากระดาษทิชชู อายุไม่ถึง 30 ล่อผัวไป 3 แล้ว...

“ผมถึงไม่อยากให้เข้าใกล้คุณผู้ชายไงครับ” บุญสืบ

พูดไม่เต็มคำ รัมภาถามย้ำว่าอะไรนะ? บุญสืบรีบเดินหนี รัมภาบ่นว่า เธอถึงได้แปลกใจ ทีแรกเดือนแรมเรียบร้อยดี ตอนนี้เหมือนเป็นคนละคน...

รัมภาหันไปทางเตาบาร์บีคิว อดขำไม่ได้ที่อนุกูลพยายามแกล้งพัชนีหนักขึ้น หาว่าเธอเป็นแม่ชียิ่งจับมือถือแขนเธอ จนวรรณศิกาต้องปรามฐานทำเจ้าชู้หัวงูกับพัชนี อนุกูลเตือนว่า วรรณศิกาเป็นลูกน้องเขาระวังจะถูกไล่ออก เธอกลับท้า เชิญไล่ออกเลย ที่มาทำนี่ ทำเล่นๆ

กลับไปเกาะผัวกินก็ได้ เพราะมีผัวรวย ทั้งสวยจนผัวหลง ผัวหึงจนอยากผูกคอตายอยู่วันละหลายหน...มีอะไรสงสัยไหม?...อนุกูลร้องไอ้หยา...แล้วแหงะหน้าหนี...

ooooooo

ศามนพาลูกทั้งสองคนมาดูบ้านหลังเล็ก บอกว่าเสร็จแล้วจะย้ายห้องนอนห้องกินมาที่นี่ บ้านหลังใหญ่ก็อยู่เหมือนเดิม

“เหมือนที่คุณทวดบอกเลยเนอะ” รัสตี้พูดกับไลล่า

“คุณทวด คุณทวดบอกอะไร” ศามนตกใจ

“ไลล่าชอบคุณทวด เสียดายแย่ถ้าไม่ได้เจอคุณทวดอีก” ไลล่าพูดกับรัสตี้

“นี่คุยเรื่องอะไรกัน คุณทวดอะไร” ศามนชักจะยุ่งเหยิงในสมอง

“คุณทวดมาหาเรา เมื่อคืนนี้ไง แดดดี้” สิ้นเสียงไลล่า รัสตี้ยังพยักหน้ารับว่าใช่ แสดงว่าเด็กทั้งสองฝันพร้อมกัน ศามนยิ่งตกใจหนักขึ้น...

เด็กแฝดทั้งสองฝันถึงที่ผ่านมาได้นอนหนุนตักคุณทวดอย่างมีความสุข ท่ามกลางแสงเดือนงดงามยามดึก คุณทวดร้องเพลงกล่อมหลานไพเราะน่าฟัง แต่แล้วก็เห็นคุณทวดร้องไห้ ไลล่าถามทันทีว่าร้องไห้ทำไม

“บอกพ่อหนูนะ อย่าย้ายไปที่เรือนหลังเล็ก ที่เรือนนั้นเคยเป็นบ้านของมัน ระหว่างที่มันมีชีวิตอยู่ มันเสกเวทมนตร์ครอบคลุมไว้ ทวดเข้าไปในบ้านนั้นไม่ได้ ทวดตามไปดูแลหนูไม่ได้”

“เราจะไม่ได้นอนเล่นกับคุณทวดอีกหรือครับ” รัสตี้ใจหาย ไลล่ากอดคุณทวดแน่น

“ไลล่ารักคุณทวด อยากฟังคุณทวดร้องเพลงกล่อมทุกคืน”

“โธ่ หลานรักของทวด” ทวดกอดหลานทั้งสองแน่น หอมซ้ายขวา ยิ่งหอมยิ่งร้องไห้หนัก “ทวดไม่น่าเลี้ยงงูเห่าอย่างมันไว้แต่แรก ทวดจะรับกรรมที่ทวดก่อ ทวดรักหนู ทวดจะไม่ยอมไปไหน”

ทั้งสามกอดกันแน่น แววตาทวดอบเชยมองไปทางบ้านหลังเล็กด้วยสายตากร้าวยิ่งขึ้น

ooooooo

ยิ่งศามนได้ฟังจากเด็กๆเขายิ่งร้อนใจ สั่งเร่งช่างซ่อมบ้านเล็กทั้งกลางวันกลางคืน จะได้รีบย้ายไปเรือนเล็ก ให้ห่างคุณทวดให้เร็วที่สุด...และแล้ว เมื่อบ้านเล็กเสร็จ ทาสีใหม่ตกแต่งสวยงาม สี่คนพ่อแม่ลูกก็ทำพิธีเปิดแพรคลุมป้ายกันอย่างมีความสุข รัมภาบอกศามนว่า เมื่อเขาทำเพื่อลูก เธอก็ชอบและดีใจเช่นเดียวกัน แล้วศามนก็ชวนรัมภาและลูกแฝดทั้งสองเข้าบ้าน หารู้ไม่ว่าผีอีแพงก็โบกมือต้อนรับให้เข้ามาเรือนเล็กไวๆ ให้มาอยู่ใต้มนต์ดำครอบงำของมัน...

ก่อนทั้งสี่คนจะก้าวเข้าประตู ทวดอบเชยพุ่งมาจากเรือนใหญ่ ร้องห้ามลูกหลานอย่าเข้าไป...แต่แล้ว วิญญาณของคุณทวดก็ถูกไฟเผาไหม้พรึบทันที จนร้อง โอดโอยด้วยความร้อน ผีอีแพงมายืนหัวร่อร่า มันประกาศ มันรํ่าเรียนวิชามาเป็นปีๆ จนเป็นร่างทรงหลวงปู่ฤาษีในบ้านนี้ ต่อไปนี้มนต์ดำของมันจะแผ่อิทธิพลเหนือนังชื่นกลิ่น และลูกของมันทั้งสอง...ส่วนทวดอบเชย

แม้ร่างจะถูกเผาไหม้แต่ไม่ยอมหยุดร้องเรียกลูกหลานไม่ให้เข้าไปในบ้านนั้น ด่าอีแพงไม่มีสิทธิ์มายึดมาทำกับลูกหลานท่านอย่างนี้...ในที่สุดบ้านหลังเล็กนั้นก็เลือนหายไปในเงาอันดำมืดที่ครอบคลุมบริเวณนั้น

ในอดีต...บ้านหลังเล็กนี้ คุณทวดอบเชยปลูกไว้ให้นางสาวบัวสวรรค์ ลูกสาวพี่ชายของทวดอบเชย เพื่อจะได้ให้มาอยู่เป็นเพื่อนกับพี่ชื่นกลิ่น หลังจากแต่งงานกับคุณหลวงภักดีแล้ว การมาชมบ้านหลังเล็กและมาช่วยงานแต่งพี่ชื่นกลิ่นครั้งนี้ อีแพง บ่าวที่ริษยาชื่นกลิ่นที่จะแต่งงานกับคุณหลวงพลอยเกลียดบัวสวรรค์ไปด้วย อีแพงทั้งกลั่นแกล้งเหยียบยํ่าข้าวของ และทำกระทั่งถุยนํ้าลายใส่อาหารหวานคาวที่จะให้สองสาวลูกพี่ลูกน้องนี้กินด้วย โดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว

ส่วนคุณหลวงภักดี แม้วันแต่งงานและกำลังจะเข้าพิธีรดนํ้า...คุณหลวงหันไปเห็นอีแพงแอบมองร้องไห้ยิ่งตกใจ กล้าทหารคนสนิทรีบไปกระซิบบอกเจ้านายว่า โปรดแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นบ่าวคนนั้น อย่าทัก อย่าพูดเรื่องในอดีต คุณหลวงเห็นด้วย รีบเมินมาสนใจรดนํ้า อีแพงเห็นแล้วยิ่งชํ้าจนต้องวิ่งหนี มันแอบไปร้องไห้ในสวนคนเดียว...มันร้องไห้จนนํ้าตาเป็นสายเลือด นํ้าตาไพร่ไร้วาสนา แต่เป็นนํ้าตาของคนไม่ยอมแพ้...

หลังพิธีผ่านไป...อีแพงนั่งร้องไห้จนคํ่าคืน...มันร้องจนอ่อนล้า...แต่พอมองไปทางห้องหอภาพนั้นบาดลึกยิ่งขึ้น เมื่อเห็นบ่าวสาวกำลังกอดจูบกันอย่างหวานชื่นริมหน้าต่าง อีแพงคำรามลึก

“บ่าวต้อยตํ่าอย่างกูนี่แหละ จะเอาคุณหลวงมาเป็นผัวให้ได้”

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น