วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2555

เรื่องย่อ ขุนเดช ตอน5 ละครช่อง7



ก่อนหน้าที่เปรื่องจะออกมาที่ตลาด ได้ไปที่บ้านกำนันก่อน ได้รับฟังกำนันบอกถึงสิ่งที่ต้องการแล้ว เปรื่องทวนคำสั่งกำนันว่า

“พระพุทธรูปฟ้าผ่า?” กำนันถามว่าเคยได้ยินไหม “ก็เคยอยู่จ้ะพี่กำนัน พระพุทธรูปทองแดงเนื้อพิเศษ ใครได้ไปบูชาแม้แต่ฟ้าก็ทำอะไรไม่ได้ เขาว่ายังไม่เคยมีใครเห็นองค์จริงๆเลย”

“ถ้ามันเหลือบ่ากว่าแรงของเอ็งจริงๆ เอ็งก็กลับไปขุดกรุอยู่อยุธยาแล้วกัน” กำนันปรามาส

“โธ่ๆๆ พี่กำนัน คนอย่างไอ้เปรื่องสุโขทัยทั้งที มีเรอะจะปฏิเสธคำสั่งของพี่กำนัน แต่ว่า...” เปรื่องทำตาเจ้าเล่ห์ กำนันรู้ทันบอกว่าเรื่องค่าจ้างไม่ต้องห่วง พลางพยักหน้าให้สัมฤทธิ์เอาเงินให้เปรื่อง

“ค่าจ้างล่วงหน้าฉันให้ไปก่อน ได้ของเอ็งเมื่อไหร่ ตรงกับที่ข้าต้องการ ข้าก็จะเพิ่มให้อีก”

เปรื่องรับเงินไปกรีด คะเนจำนวนแล้วหัวเราะเสียงแปร่งแหลมอย่างพอใจ

ออกจากบ้านกำนัน เปรื่องมากว้านซื้ออาหารที่ร้านอาฮวด ได้ยินอาฮวดทักว่าไม่เคยเห็นหน้า เปรื่องก็คุยโวว่า

“ฉันเป็นนักท่องเที่ยวจ้ะ ศรัทธาพระร่วงเจ้า เลยชอบสุโขทัยมากเป็นพิเศษ ก็เลยตั้งใจมาตระเวนไหว้พระ กราบโบราณสถานให้เป็นบุญกับชีวิตจ้ะ”

“เหรอ...แต่หน้าตาลื้อไม่ให้เลยนะ” อาฮวดพูดตรงเสียจนสาลี่ต้องแอบหยิก เรียกปรามเบาๆแล้วหันไปฉีกยิ้มพูดเสียงอ่อนโยนกับเปรื่องว่า

“มิน่าถึงได้ตุนเสบียงเต็มไปหมด เชิญจ้ะที่นี่ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่ระวังไว้หน่อยก็ดีนะพ่อ แถวนี้มีฆาตกรที่ตำรวจยังตามจับไม่ได้ เดินเพ่นพ่านอยู่ในศรีสัชฯ”

“อ๋อ...เรื่องวีรบุรุษบาปน่ะเหรอ” เปรื่องพูดแล้วหันไปเห็นขุนเดชเดินเข้ามามองอย่างสงสัย ก็รีบกลบเกลื่อนว่า “ฉันพอได้ยินมาบ้างน่ะจ้ะ ข่าววีรบุรุษบาปของที่นี่ดังไกลไปถึงสุโขทัยโน่นแต่ฉันจะกลัวไปทำไม ในเมื่อฉันเป็นคนดี”

เปรื่องหัวเราะเสียงอุบาทว์ออกมาอีก ขุนเดชมองเปรื่องอย่างไม่ไว้ใจ ส่วนเปรื่องก็หางตามองขุนเดชอย่างระแวงระวังเช่นกัน

ooooooo

เพราะวันนี้ที่แคมป์มีงานด่วน อาจารย์ดำรงจึงไม่ได้เอารถมารับดาราที่อนามัย บัวทองบอกให้ดารารอก่อนตนจะไปหารถมารับเอง ดาราจะเดินไปเอง บัวทองไม่ยอมเพราะดาราเพิ่งจะหายเจ็บ ว่าแล้วรีบเดินออกไป

พอบัวทองออกไปเท่านั้น ประดับก็เอารถมาเทียบ ทักทายดาราราวกับสนิทกันดี ประดับบอกว่าได้ข่าวว่าเธอถูกงูกัด ตนมาธุระที่ศรีสัชฯพอดี ยังไงก็ขอเป็นสารถีไปส่งก็แล้วกัน

ดาราทั้งเกลียดทั้งกลัว ไล่ไปให้พ้น ประดับทำยิ้มกริ่มเข้าคว้าแขนดาราลากไปขึ้นรถขับออกไปทันที

บัวทองมาเห็นคนแปลกหน้าฉุดดาราขึ้นรถ ตกใจมากรีบวิ่งไปบอกยงยุทธที่สถานีตำรวจ ยงยุทธเดาได้ทันทีว่าต้องเป็นฝีมือประดับแน่ๆ

บัวทองวิ่งไปหาขุนเดชที่กำลังสะกดรอยเปรื่องที่ทำทีเป็นนักท่องเที่ยวเดินดูโบราณสถานอยู่ บอกว่าดาราถูกทนายของกำนันฉุดให้รีบไปช่วยเร็วๆ ขุนเดชกังวล หันมองเปรื่องอีกทีปรากฏว่าหายไปแล้ว

ดาราดิ้นรนบอกให้ประดับจอดรถ ปล่อยตนลงเดี๋ยวนี้ ประดับบอกว่าอย่ากลัวเลย ตนแค่พาเธอมานั่งรถกินลมชมวิวเล่นด้วยกันเท่านั้น ดาราพูดอย่างรู้ทันว่า คิดว่าตนไม่รู้หรือว่าเขาจะใช้ตนแก้แค้นขุนเดชกับยงยุทธ อย่าหวังเลย ตนยอมตายเสียดีกว่าจะยอมเป็นเหยื่อ

“จะคิดสั้นไปทำไม สวยๆอย่างเธอรีบตายมันเสียดายของ...” ประดับยิ้มหื่น พริบตานั้นมันทุบที่ช่องท้องดาราจนเธอหมดสติคาเบาะนั่ง

ooooooo

ขุนเดชขี่มอเตอร์ไซค์มีบัวทองซ้อนท้ายมาเจอยงยุทธและจ่าแท่นที่ขับรถจี๊ปมา ขุนเดชถามว่าเจอดาราหรือยัง ยงยุทธบอกว่ายัง แต่สั่งให้กำลังที่โรงพักช่วยกันค้นหาแล้ว บัวทองถามยงยุทธว่าทนายคนนั้นจับดาราไปทำไมหรือ

“มันต้องการแก้แค้นพวกเรา” ขุนเดชตอบแทน

พริบตานั้นเอง มีแก๊งมอเตอร์ไซค์ใส่หมวกไหมพรมตะบึงมาเป็นฝูง พวกมันมีโซ่กับไม้หน้าสามเป็นอาวุธ กรูกันเข้ามาล้อมเล่นงานพวกขุนเดช

ยงยุทธให้จ่าแท่นพาบัวทองหลบไปก่อนเพราะจะทำให้พวกตนรับมือมันไม่สะดวก บัวทองจำต้องไปกับจ่า จึงเหลือขุนเดชกับยงยุทธรับมือพวกมันเป็นฝูง

แม้จะมีฝีมือ แต่ถูกรุมล้อมกรอบแบบนี้ ทั้งขุนเดชและยงยุทธเห็นท่าจะเสียทีมันแน่ ตกลงแยกกันสู้ ยงยุทธล่อให้มันตามไปทางหนึ่ง ขุนเดชจัดการกับมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล้วแย่งรถขี่ล่อมันไปอีกทางหนึ่ง

ขุนเดชล่อมันเข้าไปในสวนให้มันไล่ล่าจนชะล่าใจ พอถึงคูน้ำขุนเดชหักหลบ แต่มันไม่รู้พุ่งลงคูน้ำ แล้วขุนเดชก็ล่ออีกคันให้ตามไปเจอเชือกที่ขึงดัก รถเสียหลักคนขี่ตกลงมากลิ้งไม่เป็นท่า แต่มันยังไม่ยอมแพ้ เอาสนับมือใส่สู้กันแบบตัวต่อตัว แต่สุดท้ายก็ถูกขุนเดชใช้ทั้งหมัด เท้า เข่า ศอก ลุยมันจนหมดสติไป แววตาขุนเดช เวลานี้แข็งกร้าว...ดุดัน!!

ส่วนยงยุทธล่อพวกมันเข้าไปในโรงงานไม้ พวกมันเหิมเกริมบิดรถเข้าหาหมายขยี้ ถูกยงยุทธถีบแกลลอนน้ำมันหก พวกมันลื่นเสียหลักล้มไม่เป็นท่า อีกคันระเบิด ตูม คนขี่กระเด็นถูกไฟลุกท่วมร้องลั่น

เหลืออีกคน มันลุยเข้ามาเงื้อไม้หน้าสามหมายเอาให้ตายในทีเดียว ยงยุทธฉากหลบได้อย่างเฉียดฉิว หันไปคว้าไม้หน้าสามมารับมือ เสียงไม้หวดกระทบกันอย่างดุเดือด แต่สุดท้ายมันก็ถูกยงยุทธเล่นงานด้วยกระบวนท่าจบ ทุ่ม ทับ จับ หัก สิ้นฤทธิ์ไปคามือ เขากระชากมันขึ้นมาตะคอกถาม
“ไอ้ประดับมันพาดาราไปไว้ที่ไหน!!”

ooooooo

ยงยุทธรีบบิดมอเตอร์ไซค์ไปยังโรงสีที่ประดับเอาดาราไปไว้ที่นั่น เจอมันขับรถออกมาพอดี มันเปิดกระจกรถมองยงยุทธยิ้มเย้ยอย่างผู้ชนะ ยงยุทธทั้งเป็นห่วงดาราและแค้นประดับ เขารีบเข้าไปในโรงสีร้าง ตะโกนเรียกดาราอย่างตระหนก

พลันยงยุทธก็ชะงักเมื่อเห็นดารานั่งกอดตัวเองร้องไห้อยู่ เขารีบเข้ากอดถามว่า

“ไอ้ประดับมันทำอะไรคุณ...ดารา...มันทำอะไรคุณ!”

ดารามองยงยุทธที่เป็นห่วงตนจนแทบจะเป็นบ้า เธอร้องไห้น้ำตานองหน้า...

“ไอ้สารเลวนั่นมันทำร้ายคุณใช่ไหม ผมจะไปตามลากคอมัน” ดาราอ้อนวอนอย่าไปยุ่งกับมัน มันไม่ได้ทำอะไรตน “คุณหมายความว่ายังไง” ยงยุทธชะงัก ดารามองหน้าเขานิ่ง

เธอเล่าว่า ประดับบอกว่ามันจับตัวเธอมาก็เพื่อให้เธอเป็นคนบอกยงยุทธกับขุนเดชแทนมันว่า

“สงครามมันแค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ฉันจะให้เวลาพวกมันเตรียมตัวรับมือ เมื่อฉันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ฉันจะทรมานพวกมันให้ตายทีละคน แล้วฟังเสียงพวกมันร้องครวญครางขอชีวิต”

ดาราตบหน้ามันฉาดใหญ่ มันหัวเราะเหมือนไม่รู้สึกรู้สา ยื่นหน้าเข้ามาบอกว่า “ร่างกายเธอฉันก็ยังอยากได้อยู่นะ” ดาราตบหน้ามันอีกครั้งผลักมันออกไปด่าไอ้เลว มันหันกลับมองขู่อาฆาตว่า

“พยศไปเถอะ...ถึงเวลาของฉันเมื่อไหร่ เธอจะไม่เหลือใครปกป้องเธออีก...ฮ่าๆๆๆ”

ooooooo

ที่ถนนบนอ่างเก็บน้ำ ประดับเบรกรถกะทันหันเมื่อเห็นขุนเดชจอดมอเตอร์ไซค์ขวางถนนอยู่ ทั้งคู่ต่างรู้กันโดยสัญชาตญาณว่า นาทีเปิดศึกมาถึงแล้ว ต่างเร่งเครื่องรถดังกระหึ่มราวกับเป็นการตัดไม้ข่มนามกันในที แล้วขุนเดชก็ชักดาบดำที่เหน็บหลังออกมา ส่วนประดับถอดแว่นกันแดดออก หยิบปืนด้ามงาช้างมาเตรียมพร้อม

ทั้งคู่ขับรถพุ่งเข้าหากัน ประดับกราดปืนใส่ กระสุนนัดหนึ่งเฉียดไหล่ขุนเดชทำให้เขาเสียหลักตกจากรถ ดาบดำกระเด็นไปตกไม่ไกลแต่เอื้อมไม่ถึง

ขณะที่ขุนเดชพยายามพยุงตัวขึ้นมาในสภาพเนื้อตัวถลอกเลือดไหลซิบๆนั้น ประดับหยิบแว่นดำมาใส่ยืนมองอย่างท้าทาย แล้วทั้งคู่ก็พุ่งเข้าประลองหมัดกันอย่างดุเดือด สู้กันอยู่นานไม่มีใครชนะใคร จึงต่างถอยไปยืนหอบ

“ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ขุนเดช” ประดับกล่าวอาฆาตแล้วรีบเดินไปขึ้นรถขับออกไป ขุนเดชยืนมอง แววตาคมกล้าราวกับพยัคฆ์ร้าย!

ooooooo

ดารากลับมาถึงบ้านคำปัน คำปันพูดอย่างโล่งอกว่า  ถือว่าเป็นการฟาดเคราะห์ไปก็แล้วกัน  บัวทองสวนไปอย่างรับไม่ได้ว่า

“ฟาดเคราะห์อะไรล่ะแม่ ที่น่าจะฟาดให้เลือดอาบควรจะเป็นไอ้ทนายจากกรุงเทพฯนั่นต่างหาก” แล้วถามยงยุทธว่า “ตกลงตามจับมันมาไม่ได้เลยเหรอคะหมวด”

ยงยุทธนิ่ง บัวทองฉุนถามว่า “ว่าไงล่ะคะหมวด อย่าบอกนะคะว่ามันก่อเรื่องอุกอาจขนาดนี้แล้ว หมวดก็ยังทำอะไรไม่ได้ เหมือนกับที่ต้องปล่อยให้ไอ้สัมฤทธิ์ไล่ยิงพี่ขุนเดช”

“บัวทอง... เอ็งยังไม่เข้าใจ ไอ้ทนายนั่นมันหัวหมอ ถ้าไม่มีหลักฐานที่เล่นมันหนักๆได้ ยังไงมันก็ดิ้นหลุด ดีไม่ดีมันจะหาทางดึงผู้ใหญ่มาเล่นงานกลับเราได้อีก” จ่าแท่นพูดอย่างผู้มีประสบการณ์

“อ๋อ...ที่แท้ก็กลัวร้อนเก้าอี้ตัวเอง คนร้ายทำผิดกฎหมายกลับทำอะไรไม่ได้ ปล่อยให้มันเยาะเย้ยเล่น สู้พี่ขุนเดชก็ไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นตำรวจ พี่ขุนเดชก็สู้กับพวกมันไม่ถอย”

“บัวทอง!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ” คำปันดุลูก

“ไม่เป็นไรหรอกครับน้าคำปัน ทั้งๆที่มีตำรวจอยู่ใกล้ๆ แต่ก็ยังคาดหวังว่าชีวิตจะปลอดภัยไม่ได้ บัวทองมีสิทธิ์ที่จะคิดแบบนั้น...ผมขอตัวนะครับ” ยงยุทธเดินออกไปหงอยๆ คำปันเลยหันมาดุบัวทองอีกว่าพูดอะไรไม่รู้จักระวัง

ดารามองตามยงยุทธไปด้วยความเห็นใจและเข้าใจความเจ็บปวดของเขาดี...

ooooooo

ยงยุทธไปยืนครุ่นคิดที่ริมบึง คิดถึงคำพูดของบัวทองด้วยความหงุดหงิดผิดหวังตัวเอง เขาอัดอั้นจนกำหมัดชกต้นไม้เลือดออกซิบๆ พลันก็มีมือมาแตะไหล่เขา

ดารานั่นเอง...เธอบอกเขาอย่างเห็นใจว่าอย่าทำแบบนั้นเลย เขาทำดีที่สุดแล้ว ยงยุทธบอกว่าตนควรทำดีกว่านี้ ถ้าตนจัดการพวกมันได้หมด ทุกคนก็จะวางใจได้เสียทีว่า กฎหมายเป็นเครื่องมือที่มีไว้ปกป้องคนดี จัดการคนเลว

“เธอทำได้นะยงยุทธ ถึงจะไม่ใช่ตอนนี้ แต่ถ้าเธอเชื่อมั่นในความสามารถตัวเอง ฉันก็มั่นใจว่าเธอจะจัดการกับคนเลวได้หมด”

“ดารา...แล้วกับความคิดของขุนเดชล่ะ มันเห็นตรงกันข้ามกับผม...” เห็นดารานิ่งไป เขาพูดอย่างน้อยใจว่า “ผมรู้ว่าคุณยังมีใจให้ขุนเดช มันก็ไม่แปลกหรอก ถ้าคุณจะเห็นด้วย” พูดแล้วเดินไปอย่างเงื่องหงอย

ดาราตามไปกอดเขาจากข้างหลัง จนยงยุทธอึ้ง เธอให้กำลังใจด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

“อย่านะยงยุทธ อย่าทิ้งอุดมการณ์ของเธอ ถ้าเธอเลือกทางเดินที่ไม่ถูกต้อง ก็คงไม่เหลือความดีอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว”

“ดารา...นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าคุณให้ความสำคัญกับผมมากกว่าขุนเดช”

“ฉันก็แค่อยากให้กำลังใจเธอ ไม่อยากให้ท้อถอย และก็ไม่อยากให้เธอเลือกทางผิด”

“ขอบใจดารา...ถ้ามีคุณเป็นกำลังใจ ผมก็จะสู้ไม่ถอย” ยงยุทธดึงดาราเข้าไปกอดแน่น ดารายิ้มให้กำลังใจเขา

ที่มุมหนึ่งริมบึง ขุนเดชยืนดูอยู่ เขากำดาบดำแน่น หันหลังให้กับเพื่อนตายและคนรักด้วยอุดมการณ์ที่ไปด้วยกันไม่ได้...

กลับมาถึงกระท่อม ขุนเดชชักดาบดำออกมา ฟันฉับใส่เสาไม้ที่ใช้ฝึกฟันดาบเป็นประจำ แต่พอดาบกินเข้าไปในเนื้อไม้ เขารีบดึงออกมา มองคมดาบที่บิ่นเพราะการต่อสู้ด้วยสีหน้าเจ็บใจ

ไม่นาน ขุนเดชก็ลับคมดาบให้กลับมาคมได้เหมือนเดิม เวลานี้ ใจเขาร้อนรุ่มกว่าเตาไฟที่อยู่ตรงหน้าเสียอีก!

หลังจากลักลอบสำรวจทั่วบริเวณโบราณสถานแล้ว เปรื่องก็ลงมือทันที มันไม่ได้ลักขุดเหมือนโจรทั่วไปแต่มันใช้ระเบิด ระเบิดฐานเจดีย์โบราณจนแตกหักกระจุยฝุ่นตลบไปทั่วบริเวณ...

ยงยุทธกับจ่าแท่นอยู่ที่ถนนลูกรัง ต่างได้ยินเสียงระเบิด ยงยุทธถามจ่าว่า แถวนี้มีสัมปทานให้ระเบิดหินด้วยหรือ

“ไม่มีหรอกครับหมวด ที่นี่เป็นเมืองเก่า เป็นแหล่งโบราณสถาน เสียงตูมแบบนี้ สงสัยจะฝีมือพวกลักขุดกรุ มันใช้ระเบิดแทนจอบเสียม ไม่ต้องเสียเวลาขุด”

“งั้นรีบไปดูกัน” ยงยุทธหน้าเครียด จ่ารีบกลับรถ ตะบึงไปตามทิศที่ได้ยินเสียงระเบิดเมื่อครู่...

ooooooo

หลังจากฝุ่นจางแล้ว เปรื่องรีบมุดเข้าไปดูที่ฐานเจดีย์ พบโพรงใหญ่ มันเอามือควานเจออะไรบางอย่าง ดึงออกมาเป็นพระพุทธรูปองค์หนึ่ง แต่มีคราบสนิมสีเขียวเกาะเต็มทั้งองค์

“โธ่เว้ย...พระอะไรวะเนี่ย สนิมจับเขรอะเลย เสียเวลาฉิบ...” มันสบถ คิดจะทิ้งไว้ตรงนั้น

ทันใดนั้น ลมพัดอื้ออึง ท้องฟ้ามืดครึ้มฉับพลัน ฟ้าแลบน่ากลัว เปรื่องแหงนมองท้องฟ้าพึมพำว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยความสงสัย เปรื่องยกพระพุทธรูปขึ้นพิจารณาอีกครั้ง ลองเอามือขัดคราบสนิมออก มันตกใจ อุทาน...


“เฮ้ย!! เนื้อทองแดงนี่หว่า...” ทันใดนั้น ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา เปรื่องกระเด็นไปหลายเมตร มันลุกขึ้นแค่รู้สึกมึนๆ เท่านั้น คราวนี้ มันยิ่งอัศจรรย์ใจ “เป็นไปได้ยังไงวะ โดนฟ้าผ่าแต่ไม่ตาย...หรือว่า! พระพุทธรูปฟ้าผ่า...ฮ่าๆๆๆ รวยแล้วเว้ย...ไอ้เปรื่อง รวยแล้ว...”

เปรื่องหัวเราะยังไม่ทันสะใจ เสียงรถของยงยุทธก็ดังเข้ามา มันสบถ

“เวรเอ๊ย...ตำรวจมา มันโผล่มาทำไมตอนนี้วะ ขัดลาภฉิบห...” มันหน้าเครียดมองพระพุทธรูปในมือคิดหนัก...

ooooooo

เมื่อยงยุทธมาถึงบริเวณที่ได้ยินเสียงระเบิด สวนกับเปรื่องเดินออกมาพอดี ยงยุทธยกปืนเล็งสั่งให้หยุด เปรื่องยกสองมือชูร้องบอก

“อย่าครับคุณตำรวจ ผมเป็นพลเมืองดี ผมไม่ใช่ คนร้าย”

เมื่อยงยุทธกับจ่าชะงัก เปรื่องเล่าอย่างตื่นเต้นว่า

“ผมเจอไอ้พวกขุดกรุมันระเบิดเจดีย์ กำลังจะขโมยวัตถุโบราณ เลยออกมาสู้กับมัน พอได้ยินเสียงตำรวจมา มันตกใจก็เลยหนีเตลิด”

“หน้าตาไม่ใช่คนแถวนี้แน่ครับหมวด” จ่าแท่นมองอย่างระแวง

“ผมไม่ใช่คนร้ายจริงๆนะครับ ถ้าไม่เชื่อ ผมจะพาไปดูว่าพวกมันขุดเจออะไรบ้าง”

ooooooo

ที่วัดเกาะน้อย ขุนเดชซ่อมช่วงล่างรถกระบะเก่าๆอยู่ หลวงลุงเดินมาถามว่าเสร็จหรือยัง

“ครับหลวงลุง ผมเปลี่ยนเพลาใหม่ให้แล้ว หลวงลุงจะได้ออกไปรับกิจนิมนต์ได้”

“ขอบใจมากนะ เอ็งเสร็จแล้วก็ไปนอนพักเถอะ เมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งคืนเลยไม่ใช่เหรอ หลวงลุงได้ยินเอ็งทำงานทั้งคืน” ขุนเดชชะงักรู้สึกผิด เอ่ยขอโทษที่รบกวน “ก็ไม่ได้รบกวนอะไรหรอก แต่เสียงตีเหล็กของเอ็งทำให้หลวงลุงเป็นห่วง ใจเอ็งเป็นอะไร ทำไมถึงได้ร้อนรุ่มนัก”

“เรื่องเก่าๆมันรบกวนจิตใจของผมครับหลวงลุง”

“เดี๋ยวนี้เอ็งคงไม่ได้นั่งสมาธิตามที่หลวงพ่อสุขสั่งเสียไว้เลยใช่ไหม อย่าทิ้งนะขุนเดช ที่หลวงพ่อกำชับให้เอ็งหมั่นทำสมาธิบ่อยๆ ต้องมีเหตุผลที่สำคัญแน่”

ระหว่างนั้นเอง บัวทองก็ปั่นจักรยานเร็วจี๋มาถึงก็เบรกเอี๊ยด พูดหน้าตาตื่นเครียดว่า

“พี่ขุนเดช” พลันก็ชะงักเมื่อเห็นหลวงลุง รีบยกมือไหว้ “ขอโทษค่ะหลวงลุง พอดีมีเรื่องด่วนจี๋ค่ะ” ว่าแล้วจับมือขุนเดชเร่งยิกๆ “รีบไปกันเถอะพี่ขุนเดช มีคนเจอวีรบุรุษบาปที่เล่นงานพวกขุดกรุแล้วล่ะพี่”

ขุนเดชมองหน้าบัวทองอย่างแปลกใจมาก...

ooooooo

เมื่อไปถึงบริเวณที่ระเบิดเจดีย์ มีเชือกกั้นไว้รอบๆ ชาวบ้านพากันมุงดูอย่างสนใจ บัวทองชี้ให้ขุนเดชดูเปรื่องที่ยืนอยู่กับยงยุทธ บอกว่า

“นั่นไงพี่ขุนเดช คนที่ช่วยปกป้องพระพุทธรูปเอาไว้ได้”

พอขุนเดชเห็นว่าเป็นเปรื่องก็ยิ่งมองอย่างแปลกใจ ในขณะที่เปรื่องก็เล่าเป็นคุ้งเป็นแควว่า

“ผมไม่ทันเห็นหน้าไอ้คนที่มาระเบิดขุดกรุหรอกครับหมวด มันปิดหน้าปิดตากลัวคนจะรู้ว่ามันเป็นใคร”

“แล้วทำไมถึงคิดว่าเป็นวีรบุรุษบาปที่เรากำลังตามตัวอยู่” ยงยุทธถาม ทำเอาเปรื่องอึ้งไปครู่หนึ่งจึงตอบว่า

“ตอนสู้กันมันขู่ฉัน มันบอกว่าจะเล่นงานฉันเหมือนกับพวกที่เคยขวางทางมัน” ขุนเดชถามแทรกขึ้นว่าถ้าเจอหน้ามันอีกทีก็คงชี้ตัวได้ใช่ไหม “ได้สิ...ท่าทางของมันฉันจำได้แม่น เจออีกทีรับรองจำได้แน่นอน”

ยงยุทธสรุปว่า ถ้าอย่างนั้นคงต้องให้เปรื่องอยู่ที่นี่ จนกว่าเราจะได้ตัวผู้ต้องสงสัยมาให้ชี้ตัว เปรื่องรับปากอย่างกระตือรือร้นว่าตนยินดีช่วยเหลือราชการอยู่แล้ว พูดแล้วหัวเราะเสียงแปร่งบาดแก้วหู

ขุนเดชมองเปรื่องอย่างทันว่า มันกำลังโกหกคำโต

บัวทองถามยงยุทธว่าแล้วพระพุทธรูปที่ขุดขึ้นมาอยู่ไหน ยงยุทธบอกว่าติดต่อให้คณะของอาจารย์ประทีปนำไปศึกษาและเก็บไว้ที่แคมป์แล้ว

เปรื่องฟังอย่างเก็บรายละเอียดด้วยสีหน้าครุ่นคิด แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นขุนเดชจ้องเขม็งอยู่!

ooooooo

ที่แคมป์โบราณคดี...

ดารากำลังถ่ายรูปพระพุทธรูปฟ้าผ่าที่ทำความสะอาดแล้วเนื้อทองแดงวับไปทั้งองค์ ดาราบันทึกข้อมูลอย่างละเอียดพลางคุยกับอาจารย์ประทีปว่า

เป็นพระพุทธรูปที่แปลกมาก เพราะปกติจะไม่ค่อยพบการใช้ทองแดงบริสุทธิ์เพียงอย่างเดียวมาสร้างเป็นองค์พระกันเท่าไหร่

“ก็มีบ้างที่พบ แต่ส่วนใหญ่เป็นการสร้างเพราะความเชื่อมั่นและความศรัทธามากกว่า เหมือนกับตำนานพระพุทธรูปฟ้าผ่า” ดาราฟังแล้วถามว่าเป็นยังไงหรืออาจารย์ ประทีปบรรยายว่า “ทองแดงธรรมชาติเป็นโลหะชนิดแรกคู่กับทองคำที่มนุษย์ค้นพบและนำมาใช้ประโยชน์ หลายครั้งที่ยอดโบสถ์มักจะถูกฟ้าผ่าเพราะมีทองแดงผสมอยู่”

ขุนเดชเดินเข้ามาได้ยิน อธิบายเพิ่มเติมอย่างผู้รู้ว่า

“คนโบราณจึงมีความเชื่อว่า ถ้านำทองแดงสายล่อฟ้าหลังคาโบสถ์ ที่ถูกฟ้าผ่ามาหลอมรีดเป็นแผ่นแล้วลงอักขระยันต์ตามตำรามาสร้างเป็นเครื่องบูชา ของสิ่งนั้นก็จะเป็นจุดศูนย์รวมอำนาจ ดึงดูดพลังจากธรรมชาติ แม้แต่ฟ้าผ่าก็ทำอะไรเจ้าของไม่ได้” ขุนเดชอธิบาย ตามององค์พระอย่างสงบนิ่ง

“แต่นั่นก็เป็นแค่ตำนาน ยังไงพระพุทธรูปนี้ควรจะต้องส่งเข้าพิพิธภัณฑ์ เพราะถ้าหลุดเข้าไปในตลาดค้าวัตถุโบราณได้ละก็...คงฮือฮากันน่าดู” อาจารย์ประทีปสรุป

ขุนเดชอาสาจะมาเฝ้าให้ก่อนที่จะส่งพระพุทธรูปเข้าพิพิธภัณฑ์ อาจารย์ประทีปยินดี แต่ยงยุทธท้วงติงว่า ตนส่งตำรวจมาดูแลดีกว่าเพราะขุนเดชเองก็เคยถูกวีรบุรุษบาปเล่นงานมาแล้ว ถ้ามันบุกมาที่นี่เกรงขุนเดชจะรับมือไม่ไหว ดาราเห็นว่าทั้งสองทำท่าจะงัดข้อกันอีก เลยรีบแทรกขึ้นว่าขุนเดชทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ปล่อยให้ยงยุทธจัดการเถอะ

ooooooo

ที่บ้านกำนันบุญ...ทั้งประดับและเปรื่องอยู่กันพร้อมหน้า กำนันบ่นเปรื่องว่า ฝีมือก็ไม่ธรรมดาแต่ทำไมกับแค่หมวดกับจ่าแก่ๆถึงจัดการไม่ได้ ปล่อยให้ยึดพระพุทธรูปไปได้ ประดับเยาะเย้ยว่าสงสัยที่กำนันบอกไว้จะเป็นราคาคุยมากกว่ารวบรัดตัดบทว่า

“ผมไม่สนว่ากำนันจะทำยังไง กำนันรู้ดีอยู่แล้วว่า พระพุทธรูปฟ้าผ่าสำคัญมากแค่ไหน” พูดแล้วเดินออกไปโอบผกาที่เพิ่งมาถึงพร้อมลูกน้องของเขา หอมฟอดหนึ่งแล้วพากันออกไป กำนันมองตามตาเป็นมันเพราะตัวเองก็ติดใจผกาเหมือนกัน

เปรื่องพูดอย่างไม่ถูกชะตาว่า คนของเจ้านายกำนันนี่น่าหมั่นไส้จริงๆ ถามว่าตนจะจัดการให้เอาไหมแล้วฉุดนังนั่นมาให้กำนัน อาสาทำให้ฟรีๆ

“ไม่ต้อง...มันกับข้า ยังมีธุระต้องทำด้วยกันอีกเยอะ ว่าแต่เอ็งเถอะ อย่าทำให้ข้าต้องเสียพระพุทธรูปฟ้าผ่าไปเด็ดขาด”

“ไม่ต้องห่วง ฉันวางแผนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเอาไว้หมดแล้ว ทั้งไอ้วีรบุรุษบาป ทั้งไอ้หมวดขาลุยนั่น ถ้าทำตามแผนที่ฉันบอกละก็...งานนี้คุ้มค่า เกินค่าจ้างแน่ๆ” แล้วเปรื่องก็หัวเราะเสียงอุบาทว์อย่างสะใจ

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น