วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552

6.เรื่องสั้น เพราะรัก no,2

เรื่อง ผู้หญิงคนนั้น "นางมารร้าย " ginjv'lyho
ภูริยืนอยู่หน้ากระจก เขาส่องกระจกดูตัวเองว่าใส่เสื่อผ้าชุดนั้นแล้ว เขาดูเป็นยังไง เขาจะดูดีไหม แต่เมื่อเขาดูไปดูมาชุดนี้มันไม่เหมาะกับตัวเขาเอาซะเลย เสื้อเชิ้ตลายขวางนั่นมันทำให้ตัวของเขาที่ใหญ่อยู่แล้วยิ่งดูอ้วนขึ้นไปอีก กางเกงแสลคตัวนั้นมันดูแปลก ๆ มันดูแปลกไม่เหมือนกางเกงยีนส์ลีวายส์ที่เลาเคยใส่ กางเกงแสลคนั่นมันทำให้เขาดูแก่และไม่เซอร์ ๆ แต่เขาต้องใส่มันเพราะแป้งซื้อมาให้ใส่
ปกติภูริเขาจะแต่งตัวง่าย ๆ เสื้อยืดกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สสบาย ๆ แต่วันนี้เป็นวันพิเศษ เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของแป้ง แฟนสาวของภูริที่เพิ่งคบกันยังไม่ถึงเดือน แป้งผู้หญิงคนนี้ทำให้ภูริต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองหลายอย่าง เขาคิดย้อนไปเมื่อวันที่ผ่านมา
ภูริ พบกับแป้งเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ที่ร้านกาแฟ " มุมเหงา " ในวันที่ฝนพรำย่ำค่ำของคืนหนึ่ง ภูริหลบฝนที่ตกพรำเขาไปในร้านนั้น " มุมเหงา "
วันนั้นในร้านอัดแน่นไปด้วยผู้คน พวกเขาเหล่านั้นก็คงหลบฝนมาจิบกาแฟในร้าน โต๊ะว่าง ๆ จึงแทบไม่มีให้เห็น แต่มันเหมือนกามเทพดล โต๊ะที่แป้งนั่งเหงา ๆ อยู่นั้นพอจะมีที่ว่าง ๆ อยู่เพียงโต๊ะเดียว
อากาศหนาว ๆ ทำให้ภูริอยากทานกาแฟเป็นอย่างมาก เขาจึงตัดสินใจเดินไปที่โต๊ะว่าง ๆ ที่แป้งนั่งเหงาอยู่นั่น
" โทษทีครับ โต๊ะนี้ว่างหรือเปล่า บังเอิญโต๊ะตัวอื่นๆเต็มหมด มีเพียงโต๊ะตัวนี้เท่านั้นที่ว่าง ขอผมนั่งด้วยได้มั๊ยครับ " ภูริพูดกับแป้ง
แป้งเธอมองไปที่ภูริแล้วจากนั้นเธอมองดูไปรอบตัวเธอ โต๊ะตัวอื่นเต็มหมดจริง ๆ ด้วย แต่ตอนนี้เธออยากนั่งเหงา ๆ คนเดียว ไม่อยากให้ใครมาแทรกตรงกลางอารมณ์เหงา ๆ ของเธอ
แป้งสำรวจดูไปที่ร่างกายของภูริ เขาดูเปียกปอนเพราะฝนพรำนั้น เขาดูสั่น ๆ เหมือนลูกนกในรังที่เปียกฝน เขาดูน่าสงสารจะตาย " ว่างค่ะนั่งได้ " แป้งบอกกับภูริแม้มันจะฝืนใจของเธอนิด ๆ แต่เพื่อมนุษยธรรม
" ขอบคุณครับ " ภูริพูดพลางนั่งลงที่โต๊ะเหงา ๆ ของแป้งตัวนั้น เขาเรียกบ๋อยมาสั่งกาแฟ และขนมปังชิ้นเล็ก ๆนั้น ไม่นานบ๋อยก็นำกาแฟมาเสริฟ ภูริรับกาแฟแก้วนั้นมายกดื่มโดยไม่ใส่น้ำตาลเลยซักก้อน เขากินมันอย่างอยากกระหาย มองไปที่แป้งแล้วยิ้มให้เธออย่างเขิน ๆ
แป้งแอบมองดูภูริ ผู้ชายคนนี้ไม่น่าสั่งกาแฟมากิน หน้าตาอย่างเขาน่าจะกินเบียร์ เหล้าขาว ยาดอง หรือเหล้าเถื่อนจุดไฟติดนั่นน่าจะเหมาะกับเขาที่สุด เขาจะกินอะไรมันก็เรื่องของเขานี่เนาะ จะสนไปทำไม เรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอด เธอผละหน้าหนีไปมองที่เม็ดฝนที่หยดลงบนกระจก แล้วไหลเป็นทางลงมา มองไปมันเหมือนหยดน้ำตาที่ไหลมาตามโหนกแก้ม
" โฮ่ โฮ่ ฮือ ฮือ ...." แป้งร้องไห้เสียงดังโพล๋งขึ้นมา ภูริตกใจเสียงร้องของแป้ง แก้วกาแฟที่เขาถืออยู่ตกลงใส่ขาของเขา ความร้อนของน้ำกาแฟมันทำให้ภูริ " โอ๊ย ย... " เสียงดังไม่แพ้แป้ง
ทุกคนในร้านต่างหันมามองแป้งกับภูริเป็นตาเดียวกัน พวกเขาเหล่านั้นตั้งคำถามในใจ " ไอ้ผู้ชายกับผู้หญิงสองคนนั่น มันเป็นบ้าอะไรของมัน "
" นี่คุณเป็นบ้าอะไรอยู่ ๆ ก็ร้องไห้ " ภูริถามแป้ง " ฉันเกลียดฝนฮือ ฮือ " แป้งก้มหน้าร้องไห้กับโต๊ะพลางพูดตอบคำถามภูริ " คุณเกลียดฝนทำไม ฝนคือน้ำ น้ำคือชีวิต " ภูริกล่าว " ฝนทำให้ฉันเหงา มันชอบทำให้ฉันร้องไห้ ฉันจึงเกลียดฝน ฮือ ฮือ " พูดจบก็ร้องไห้เสียงดังอีก " นี่คุณร้องไห้เบา ๆ หน่อย อายคนเขาบ้างซิ " ภูริกระซิบที่บ้างหูแป้งเพื่อให้เธอหยุดร้องไห้เสียงดัง "โฮ่ โฮ่ ฮือ ฮือ " แป้งกับร้องเสียงดังกว่าเก่าอีก
" นี่แน่ะ ไอ้ผู้ชายใจร้ายทำไมแกทำให้แฟนแกร้องไห้ " หญิงแก่อายุประมาณ 70 ปี พูดต่อว่าภูริ พร้อมกับเอาคันร่มตีไปที่ตัวของเขา " โอ๊ย ย... เอาร่มมาตีผมทำไม ผมเจ็บ " ภูริ เอามือป้องร่มที่ยายแก่คนตีมาที่ตัวเขา
" แกทำให้แฟนแกร้องไห้ทำไม แกนอกใจแฟนแกใช่มั้ย อย่างนี้ต้องตีให้ตาย " พูดจบยายแก่เงื้อร่มจะตีภูริอีก " หยุดก่อนยาย ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แฟนผม " ภูริยกมือห้ามร้องปรามเสียงหลง " อ้าวไม่ใช่แฟนเอ็งเรอะ " ยายแก่เริ่มลังเล " หนูเป็นเมียเขาต่างหากล่ะยาย " แป้งเงยหน้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำตา พูดกับยายแก่หน้าตาขึงขัง " อ้าวเหรอ... ที่แท้เอ็งเป็นผัวเมียกัน เรื่องของผัวเมียข้าไม่ยุ่ง ผัวเมียก็เหมือนลิ้นกับฟัน ก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง ผัวเมียกันมีอะไรก็ค่อย ๆคุยกัน ข้าไปล่ะ " พูดจบยายแก่คนนั้นก็เดินหายไปในฝูงชน
" นี่คุณผมไปเป็นผัวของคุณตอนไหนมิทราบ " ภูริถามแป้งอย่างโกรธ ๆ แป้งไม่ตอบภูริแต่เธอบอกกับภูริว่า " คุณปลอบฉันได้ไหม " " อะ.....อะไรนะ " ภูริงงกับคำถามของแป้ง " ปลอบฉันหน่อย ฉันอกหัก " แป้งพูดเสียงเศร้า " คุณเพี้ยนไปแล้ว " ภูริว่าแป้ง แป้งพูด " ถ้าคุณไม่ปลอบให้ฉันเชื่อว่าโลกนี้ยังมีหวัง ฉันจะฆ่าตัวตาย ถ้าคุณไม่ปลอบฉันว่าโลกนี้ยังน่าอยู่ ฉันจะฆ่าตัวตาย พูดซิให้ฉันเชื่อว่าฉันยังมีคนที่พอจะเชื่อใจได้ ฮือ ฮือ " น้ำเสียงเศร้า ๆ น้ำตาที่เอ่อล้น คำพูดที่บอกว่าจะฆ่าตัวตายทำให้คืนนั้นภูริต้องคอยเอาใจแป้ง ไปทุกที่ที่แป้งไป เดินตามแป้ง ต้อย ๆๆๆ พูดปลอบใจแป้งสารพัด เพื่อให้เธอลืมเรื่องเศร้าโศก ลืมไอ้แฟนเก่าหน้าโง่ของเธอคนนั้น ลืมเรื่องความคิดที่จะฆ่าตัวตายคำนั้น
สุดท้ายภูริพูดโน้มน้าวแป้งจนยอมกลับบ้านของเธอจนได้ " ดีมาก วันนี้คุณทำให้ฉันไม่ต้องฆ่าตัวตาย ฉะนั้น วันพรุ่งนี้คุณต้องมาปลอบฉันอีก " แป้งบอก " อะไรนะ " ภูริทำหน้าตาเลิกลั่ก " ใช่...ถ้าพรุ่งนี้คุณไม่ยอมมาปลอบใจฉันอีก ฉันจะถือว้าคุณอนุญาตให้ฉันฆ่าตัวตายได้ " แป้งยังคงพูดตามแต่ใจตัวเอง
" อะไรฟะ แฟนก็ไม่ใช่ เมียก็ไมใช่ พี่น้องก็ไม่ใช่ (อีกนั่นแหละ ) ทำไมฉันจะต้องมาคอยเอาใจเธอด้วย บ้าเปล่า " ภูรินึกบ่นแป้งอยู่ในใจ
" ว่าไงพรุ่งนี้จะมามั๊ย " แป้งถามกดดันภูริ ภูริจึงตอบกลับไป่ด้วยความโมโหว่า " มาก็ได้ " (พูดกระแทกเสียง ) " เพื่อมนุษย์ธรรม " ภูรินึกในใจ
ตลอดอาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์ ภูริต้องมาคอยตามปลอบใจแป้งทุกวันไม่ใช่ภูริจะไม่เต็มใจทำอย่างนั้น จริง ๆ แล้วเขารู้สึกสนใจแป้ง ผู้หญิงปากร้าย เอาแต่ใจคนนี้อยู่ไม่น้อย เขาจึงเต็มใจที่จะมาปลอบใจแป้งทุกวัน เพื่อรอเวลาให้เธอลืมแฟนเก่าของเธอได้วันนั้นเขาจะเข้าไปเสียบแทน
" ภูริ คุณรู้มั๊ย ฉันไม่ชอบไอ้ผมยาว ๆ นั่นของคุณเลย ฉันจะพาคุณไปตัดผม " แป้งบอกภูริ
" หยุดเลยคนสวย อย่ามายุ่งกับหัวผมเด็ดขาด " ภูริร้องห้ามเสียงหลง " ก็คุณบอกว่าจะตามใจฉันไง ที่แท้แค่ลมปาก ผู้ชายก็เหมือนกันหมด ตายดีกว่าฉัน " แป้งพูดจบทำท่าจะเดินไปให้รถชนซะดื้อ ๆ " เฮ้ย..." ภูริร้องเสียงหลง (อีกแล้ว )
ที่ร้านตัดผม ภูรินั่งอยู่บนเก้าอี้ตัดผม " จะตัดผมทรงอะไรดีครับ " ช่างตัดผมถามภูริ " ตัดทรงรองทรงสูง " แป้งบอกให้ช่างตัดรองทรงสูง โดยไม่ถามความต้องการของภูริซักคำ
" ผมทรงเห่ย ๆ แบบนั้นผมไม่ตัดเด็ดขาด " ภูริขัดขืน " นึกแล้ว.... " แป้งพูดสั้น ๆ ทำท่าจะเดินออกไปนอกร้าน " ก็ได้..... เอาเลยพี่ช่าง ตัดผมทรงเห่ย ๆ นั่นแหละ " ภูริกัดฟันพูด " แป้งยืนยิ้มเมื่อเห็นภูริตามใจ " ตูกำลังทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย " ภูรินึกด่าตัวเองอยู่ในใจ
ที่ห้างสยามพารากอน หนึ่งอาทิตย์ก่อนงานวันเกิดแป้ง ภูริถูกแป้งโทรมาชวนไปเที่ยวห้างนี้ เขาก็มาอย่างว่าง่าย เดินเล่นกันได้ซักพักใหญ่ ๆ แป้งก็เดินมาถึงร้านขายเสื้อผ้าผู้ชายร้านหนึ่ง แป้งบอกให้ภูริยืนรออยู่หน้าร้าน ส่วนตัวเธอเดินเข้าไปในร้าน แต่ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในร้าน แป้งถามภูริ " คุณใส่เสื้อเบอร์อะไร " " M " ภูริตอบห้วน ๆ " กางเกงเอวเท่าไหร่ " แป้งถามเขาอีก " 29 " " ร้องเท้าล่ะเบอร์อะไร " " 8 " จากนั้นแป้งก็เดินเข้าไปในร้าน เธอเดินเลือกดูเสื้อผ้า กางเกง และร้องเท้าอยู่พักใหญ่ ๆ จึงเดินออกมาจากร้าน
" ฉันซื้อให้คุณ " แป้งบอกภูริพร้อมกับยื่นถุงใส่ของให้ภูริ " ซื้ออะไรมาให้ผมเนี่ย " ภูริถามสงสัย " เสื้อผ้า กางเกงและรองเท้า " แป้งบอก " ซื้อของพวกนี้ให้ผมทำไม " ภูริยังคงสงสัย " ซื้อให้คุณใส่เสื้อผ้าชุดนี้ไปงานวันเกิดของฉันในวันที่ 30 สิ้นเดือนนี้ " แป้งบอกสิ่งที่เธอต้องการให้เขาทำ " ทำไมผมต้องแต่งชุดนี้ไปงานวันเกิดของคุณ " ภูริสงสัยไม่หาย " เพราะมันเป็นชุดที่ฉันซื้อให้ ถ้าคุณแต่งชุดที่ฉันซื้อให้ไปงานวันเกิดของฉัน วันนั้นฉันจะรับคุณเป็นแฟน " แป้งตอบให้ภูริหายสงสัย " อะไรนะ " เป็นอีกครั้งที่ภูริร้องว่า " อะไรนะ " แป้งมักจะทำให้เขาแปลกใจเสมอ
ภูริดึงสติตัวเองกลับมาจากความคิดของวันวาน เขายังคงยืนอยู่หน้ากระจกบานนั้น เขาหวีผมที่แป้งยอกให้ตัด หวีให้ผมเข้าที่เข้าทาง ขยับกางเกงกับเสื้อผ้าที่แป้งซ้อให้ให้ดูเรียบร้อย จากนั้นจึงเดินใส่ถุงเท้าและร้องเท้าคู่ที่แป้งซื้อให้แล้วเดินออกจากบ้านมุ่งหน้าไปที่บ้านของแป้ง เพื่อไปร่วมงานวันเกิด และไปเป็นแฟนคนใหม่ของแป้ง
*............ ตัดไป ที่บ้านแป้ง ...........*
ภูริมาถึงบ้านของแป้งช้ากว่ากำหนดนิดหน่อย เพราะรถติดวินาศสันตโร ที่บ้านของแป้งภูริมองเห็นเพื่อนของแป้งเต็มไปหมด
เขาตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้าน เดินฝ่าฝูงเพื่อนของแป้งที่รายล้อมตัวเขาไปหาแป้ง
ภูริแทบจะไม่รู้จักเพื่อนของแป้งเลยสักคน มันจึงเป็นเหตุที่ทำให้เขาดูเกร็ง ๆ ในวันนี้
สายตาส่ายไปมามองหาแป้ง แต่เขาไม่เห็นแป้ง เห็นแต่เพื่อนแป้งเต็มไปหมด เดินมาได้ซักหน่อย ภูริได้ยินเสียงคนเรียกดังมาจากข้างหลัง " ไอ้โอ๊ด...เอ็งจะรีบเดินไปไหน " ภูริไม่สนใจที่ใครคนนั้นเรียก เพราะเขาไม่ได้ชื่อโอ๊ด แต่ใครคนนั้นก็เดินมาสะกิดที่ตัวของภูริ " ไอ้โอ๊ด ฉันเรียกไม่ได้ยินรึไง " ใครคนนั้นพูดกับภูริ ภูริหันกลับไปมองใครคนนั้นที่สะกิดเรียกเขา เมื่อใครคนนั้นเห็นหน้าภูริชัด ๆเขาถึงกับหน้าเสีย " อ้าว ขอโทษทีครับ ผมนึกว่าคุณคือโอ๊คเพื่อนของผมซะอีก " ใครคนนั้นขอโทษขอโพยภูริ " ไม่เป็นไรครับ ผมก็เคยทักคนผิด ขอตัวก่อนนะครับ "
ภูริบอกใครคนนั้นและขอตัวเดินเข้าไปในงานของแป้ง
เดินมาได้อีกซักหน่อย มีกลุ่มเพื่อนหญิงของแป้ง ยืนคุยกันอยู่ข้างทางเมื่อภูริเดินผ่านกลุ่มเพื่อนหญิงของแป้งกลุ่มนั้น มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเสียงดังว่า " โอ๊ดทางนี้ มาคุยกับเราก่อน " ภูริเดินผ่านกลุ่มเพื่อนหญิงของแป้งโดยไม่ได้สนใจเสียงตะโกนเรียกของผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนหญิงของแป้งนั้นเลย เพราะเขาไม่ได้ชื้อโอ๊ด (นี่นา)
ภูริได้ยินฝีเท้าคนวิ่งมาจากด้านหลัง เสียงฝีเท้านั้นค่อยวิ่งเข้ามาใกล้ตัวเขาทุกทีจนในที่สุดก็มีมือมาสะกิดที่ข้างหลังเขา " โอ๊ด ที่ฉันตะโกนเรียกไม่ได้ยินเรอะ " ผู้หญิงคนหนึ่งถามภูริ ภูริหันหน้าไปมองผู้หญิงคนนั้น เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นหน้าภูริเขาถึงกับหน้าซีด " อ้าว ขอโทษค่ะ ฉันทักคนผิด " ผู้หญิงคนนั้นขอโทษภูริ " ไม่เป็นไรครับ เมื่อวานผมก็ทักคนผิดเหมือนคุณ ขอตัวก่อนนะครับ " ภูริเดินไปหาแป้ง เอามือเกาหัวอย่างรู้สึกสงสัย ทำไมวันนี้มีแต่คนเข้าใจผิดคิดว่าเขาคือ " โอ๊ด "
ภูริเดินมาได้อีกซักหน่อย มีผู้หญิงคนหนึ่ง ยืนอยู่ข้างหน้าภูริห่างซัก 20 เมตร เมื่อเห็นภูริเดินเข้าไปใกล้เธอ เธอก็วิ่งโผจะมากอดภูริแต่เมื่อเธอเห็นหน้าของภูริ เธอก็หยุดพฤติกรรมของเธอทันที " อุ้ย...ขอโทษคะ ฉันนึกว่าคุณคือโอ๊ดแฟนยัยแป้งซะอีก " ผู้หญิงคนนั้นว่า " ไม่ต้องเสียใจครับ คุณไม่ใช่คนแรกที่ทักผมผิด " ภูริพูดขำ ๆ " แต่คุณดูเหมื๊อนเหมือน " ผู้หญิงพูดอย่างอึ้ง ๆ " หน้าตาผมเหมือนคนที่ชื่อโอ๊ดขนาดนั้นเลยเหรอครับ " ภูริถาม " ไม่เหมือนค่ะ ไม่เหมือนเลย ..."
*.............. ตัดไป แป้งกับภูริ …………..*
ภูริยืนมองแป้ง ส่งเพื่อน ๆ กลับบ้านไปจนหมด จนไม่มีใครเหลืออยู่ที่บ้านของแป้ง
ภูริเดินไปหาแป้ง เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าแป้ง ภูริพูดขึ้นว่า " คุณนี่ ใจเหมือนนางมารร้ายจริง ๆ " " ภูริ คุณกล้าดียังไงมาว่าฉัน " แป้งมีอารมณ์โมโหเมื่อภูริพูดจาก้าวร้าวใส่เธอ " คุณเป็นนางมารร้ายที่สามารถฆ่าคนอื่นได้อย่างเลือดเย็น " ภูริยังไม่ยอมหยุดพูดก้าวร้าว " ภูริ หยุดพูดเดี๋ยวนี้ " แป้งร้องห้าม " เพื่อนหญิงของคุณเล่าเรื่องโอ๊ดแฟนเก่าของคุณให้ผมฟังหมดแล้ว " ภูริบอกสิ่งที่เขาอยากบอกแล้ว " ทำไมโอ๊ดแฟนเก่าฉันทำไม " " เพื่อนคุณบอกผมว่า เสื้อเชิ้ตที่ผมใส่มันยี่ห้อเดียว ลายเดียว กับเสื้อโอ๊ดแฟนเก่าของคุณเคยใส่ กางเกงนี่ก็ยี่ห้อและสีเดียวกับโอ๊ด แฟนเก่าคุณเคยใส่มัน และที่ทำให้ผมน้ำตาซึม คือ ผมที่คุณบอกให้ผมตัดมันก็คือ ผมทรงเดียวกับที่โอ๊ดเคยตัด ร้องเท้าคู่นี้ก็ใช่ โอ๊ดแฟนเก่าคุณก็ใส่รองเท้ายี่ห้อนี้ คุณใจร้ายมาก คุณพยายามเปลี่ยนตัวผมให้เป็นเหมือนโอ๊ดแฟนเก่าของคุณ คุณมันนางมารร้ายใจดำ "
ภูริ พูดแทงใจดำแป้ง แป้งถึงกับหน้าเสีย แต่มีหรือที่แป้งจะยอมแพ้ผู้ชายคนนี้
" ใช่ ฉันมันนางมารร้ายแล้วคุณจะทำไม " แป้งยังคงเอาแต่ใจเหมือนเดิม
" ผมจะไปกล้าทำอะไรคุณ ผมเพียงจะบอกนางมารร้ายร้ายคนนี้ว่า ถ้านางมารร้ายคนนี้ต้องการให้ผมใส่เสื้อยี่ห้อ และลายเดียวกับโอ๊ดแฟนเก่าคุณ ใส่กางเกงสีเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกันกับโอ๊ดแฟนเก่าของคุณ ร้องเท้ายี่ห้อเดียวกัน ทรงผมทรงเดียวกันกับแฟนเก่าของคุณ ถ้าสิ่งที่นางมารร้ายคนนี้ต้องการให้ผมเหมือนหรือต้องการให้ผมเป็น ถ้าสิ่งที่คุณให้ผมทำมันจะทำให้คุณรักผม ผมก็จะเหมือนหรือจะเป็นอย่าที่นางมารร้ายคนนี้ต้องการ ผมจะทำ ในสิ่งที่คุณต้องการให้ผมเป็น ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะผมรักคุณ "
ภูริหยุดพูดนิดหนึ่ง เขาพยายามมองไปที่ตาของแป้งเพื่อค้นหาคำตอบจากตาของเธอ แต่เธอไม่กล้าสบตาเขา เธอหลบสายตา แป้งไม่อยากให้ภูริอ่านความรู้สึกจากดวงตาของเธอ
" ……ผมอาจจะแต่งตัวได้เหมือนกับโอ๊ดแฟนเก่าค%

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552

1.ไอ้โรคจิต

ไอ้โรคจิต

ป่องพยายามปกป้องตัวเองจากรองเท้ายี่ห้อดังหลายๆคู่ของใครบางคนที่กำลัง กระหน่ำมันลงตัวเขา อย่างสุดแรง "ปึก..ปั๊ก..ปั๊ก!!!"
ป่องภาวนาให้ตำรวจรีบมาจับเขาโดยเร็ว เพราะพลเมืองดีแถวนี้ กลุ่มนี้มันเตะหนักจริงๆ
"อ้าว!…หยุดหยุดหยุด พอได้แล้วเดี๋ยวไอ้หนุ่มนั่นมันก็ตายพอดี" เสียงของใครคนนั้น มันเป็นดั่งเสียงสวรรค์สำหรับป่อง
รองเท้าหลากยี่ห้อของใครบางคน หยุดการเคลื่อนไหวอย่างสิ้นเชิงเมื่อได้ยินเสียงใครคนนั้น
ป่องหายใจอย่างหอบโยน สิ้นเรี่ยวแรงที่จะขยับร่างกาย เขาทำได้เพียงลืมตามองไปรอบ เขาเห็นฝูงชนประมาณ 20 คน มุงอยู่โดยรอบ บางคนยืนคลำเท้าตัวอย่างรู้สึกเจ็บ น่าสงสารเขาคงเตะป่องหนักไปหน่อย ข้างตัวป่องมีตำรวจยืนอยู่หนึ่งคน
ป่องเขาถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยเขาคงไม่โดนกระทืบอีกแล้ว
"ไหนใครพอจะบอกผมได้บ้าง ว่า ไอ้หมอนี้มันโดนกระทืบด้วยเหตุผลใด" จ่าตำรวจถามโพลงขึ้นกลางฝูงชน
"ผมรู้" ชายหนุ่มหุ่นบึ้ก ร่างกำยำตะโกนขึ้น พลางเดินตรงมาหาตำรวจ เขาพูดว่า
"ไอ้โรคจิตคนนี้ มันเอาโทรศัพท์มือถือ แบบที่มีกล้องถ่ายรูปดิจิตอล แอบถ่ายใต้กระโปรงน้องนักศึกษาคนนี้ครับจ่า" ชายร่างกำยำเล่าเหตุการณ์เสียงดังฟังชัด พลางเดินเข้าไปหวดแข้งขวาเข้าที่ชายโครงด้านซ้ายของป่องอีกทีเสียงดัง "ปึก" ก่อนที่จะเดินจากไป
"อุก" เสียงป่องร้องจุกๆ "ผลเมืองแถวนี้มันเตะหนักจริงๆเว้ย" ป่องนึกด่าในใจ
พี่จ่าตำรวจ หันไปมองน้องนักศึกษาหญิงที่เป็นผู้เสียหาย เธอยืนตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
น้องนักศึกษาคนนั้น เธอนุ่งกระโปรงสั้นโชว์ให้เห็นปรีน่องขาวยังกับหยวกกล้วยไซด์ M แต่เสื้อนักศึกษาที่น้องเขาใส่มันไซด์เป็นไซด์ S เสื้อของมันจึงคับติ้ว จนเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน เธอเดินเข้าไปหาพี่จ่า
"แต่งตัวพรรณนี้ ไอ้โรคจิตนั้นมันถึงอดใจไม่ไหว แอบถ่ายใต้กระโปรง นี่ยังโชคดีนะที่มันไม่ฉุดเอาไปทำปู้ยี่ปู้ยำ ไปเรียนไปศึกษาจะแต่งตัวให้ดีกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้" พี่จ่าแกด่าตรงๆไม่อ้อมเลยซักนิด
"แต่มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลของหนูนะคะ" เธออ้างกฎหมาย
"ไอ้สิทธิส่วนบุคคลของน้องน่ะ มันคือต้นเหตุ ของการเกิดอาชญากรรมนะครับ "พี่จ่าพูดเสียงดัง
น้องนักศึกษายอมเงียบแต่โดยดีเพราะจำนนต่อเหตุผล
"น้องจะเอาเรื่องไอ้หนุ่มนั้นไหม" พี่จ่าถามน้องนักศึกษาสาวคนนั้น
"เอาค่ะ หนูจะเอาความเขาจนถึงที่สุด หนูจะไม่มีการยอมความใดๆทั้งสิ้น หนูจะเอามันเข้าคุก" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นอย่างแสนสาหัส
พี่จ่าเดินตรงไปที่ป่องที่ยังคงนอนครางอยู่ที่เดิม
"เป็นไงถึงกับลุกไม่ขึ้นเลยเรอะ นี่ยังโชคดีที่ข้ามาเร็วนะไม่งั้นเอ็งคงสลบไปแล้ว" พี่จ่าถาม
"ครับ" ป่องตอบเสียงแผ่วเบา
"เอ็งถ่ายใต้กระโปรงพวกนี้ไปขายให้ใครเขาหล่ะ แล้วมันคุ้มมั้ยกับการที่เอ็งต้องมาโดนรุมกระทืบเพื่อแลกกับเงิน 4-500 บาท นั่นน่ะ" พี่จ่าถือโอกาสอบรม พลางอุ้มป่องลุกขึ้นนั่ง
"เปล่าครับพี่จ่า…อูย…ผมถ่ายเก็บเอาไว้ดูเอง ผมไม่ได้เอาไปขายใคร"ป่องพยายามบอกความจริงที่เขากระทำกับพี่จ่า
"เห็นใต้กระโปรงผู้หญิงมันทำให้แตซูซ่าได้ไงฟะ" พี่จ่าถาม
"ไม่ทราบครับแต่พอผมเห็นภาพพวกนี้ทีไร ผมก็รู้สึกซู่ซ่าทุกที" ป่องบอกความรู้สึกเบื้องลึกของตน
"เอ็งมันคนห่างวัด หัดเข้าวัดไปฟังพระเทศน์บ้าง จะได้รู้จักระงับสติอารมณ์ไม่ฟุ้งซ่าน หรือหมกหมู่นอยู่กับไอ้ของขาวๆอวบๆ รักเขาชอบเขา ก็เข้าไปจีบเขาซิไม่ใช่ทำตัวขี้ขลาด แอบถ่ายใต้กระโปรงเขา เอาไปดู เอาไปเพ้อฝัน เอ็งก็น่าจะรู้ว่าสิ่งที่เอ็งทำอยู่น่ะมันไม่ถูกต้อง เอ็งมันหลุดจากโลกความเป็นจริงไปมากแล้ว เอ็งควรหันมามองดูตัวเองได้แล้ว กลับตัวสู่โลกแห่งความเป็นจริง การเข้าวัดฟังธรรมมันจะช่วยจรรโลงจิตใจเอ็งได้มากเลยหละ เดี๋ยวข้าจะบอกวัดที่เขาเทศน์เก่งให้แกหลบไปฟังธรรมซัก 2 – 3 วัด แต่ก่อนหน้านั้นข้าต้องเอาเอ็งไปสงบสติอารมณ์ในคุก หลังจากนั้นเราค่อยมาคุยเรื่องวัดกันใหม่"
พี่จ่าอบรมป่องยาวเหยียด "ดีครับพี่จ่า" ป่องยอมรับฟังแต่โดยดี เขาคิดว่าเขาคงเป็นคนห่างวัดจริงๆ นะแหละ เขาควรปรับปรุงตัว อย่างที่พี่จ่าบอก
*-------------------- ตัดไป --------------------------------------------------------------------*

ป่องถูกใส่กุญแจมือ เขาถูกตำรวจนำตัวไปขึ้นรถตำรวจ เพื่อนำเขาไปฝากขังคุกที่สถานีตำรวจ
ป่องนั่งอยู่ท้ายกระบะรถปิคอัพของตำรวจ บังเอิญป่องเหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับดารา เล่มหนึ่งวางอยู่ข้างๆที่เขานั่ง ป่องอ่านชื่อหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับดาราเล่มนั้นชื่อว่า "หนังสือพิมพ์ไทยแลนด์บันเทิง" เขาหยับมันขึ้นมาอ่าน
ข้อความแรกที่ป่องอ่าน คือ "น้องบันลูนพิมพ์สุขตา นั่งไม่ระวังรถหวอวิ่งกันเกลียว" ข้างๆ คำบรรยาย มีภาพของน้องบันลูนดาราดัง เธออยู่ในชุดเสื้อคอกว้างจนเห็นร่องอก กับกระโปรงสั้นถึงสั้นมาก เธอนั่งไม่ทันระวัง จนเผยให้เห็นกางเกงในสีขาวโผล่ออกมาทักทายชาวโลก มีตากล้องคนหนึ่งถ่ายภาพเผลอๆ ของน้องบันลูนภาพนั้นไว้ได้
หัวข้อข่าวที่สองที่ป่องได้อ่านคือ ข้อความ "น้องปูไปรมา เดินแฟชั่นเผลอทำไอ้จุกโผล่" ข้างๆ คำบรรยายข่าว มีภาพดาราวัยรุ่น น้องปูไปรมา กำลังเดินแฟชั่นในชุดราตรีเกาะอก แต่บังเอิญช่วงที่เธอเอี่ยวตัวเพื่อจะเดินกลับ ชุดที่เธอใส่มันไม่พอดีตัว มันหลวม มันจึงมีผลให้ไอ้จุกขวดนมตรงหน้าอกเธอ มันโผล่ออกมาอวดสายตาประชาชี บังเอิญมีช่างภาพคนหนึ่งบันทึกภาพหลุดภาพนั้นไว้ได้
ป่องเห็นภาพเหล่านั้น เขาเกิดคำถามขึ้นในใจ
- ทำไมดาราพวกนั้นเขาไม่โกรธบ้างเหรอ ที่ถูกแอบถ่ายของสงวนหรือดาราพวกนั้นเขาเต็มใจให้ตากล้องพวกนั้นถ่าย
- ทำไมตากล้องพวกนั้นถึงไม่โดนตำรวจจับ ทั้งๆ ที่เขาก็แอบถ่ายใต้กระโปรงของผู้หญิง
- ทำไมตากล้องพวกนั้น ถึงไม่โดนรุมกระทืบเหมือนอย่างที่เขาโดน ทั้งที่มันน่ากระทำอนาจารเหมือนกัน
- ทำไมตากล้องที่แอบถ่ายภาพเผลอโป๊ของดารา เขาเอาภาพดาราเหล่านั้นไปลงหนังสือเผยแพร่ เขาไม่โดนข้อหาอนาจารเหรอ
- ทำไมตากล้องพวกนั้นเอารูปเผลอโป๊นั้น ไปขายสำนักพิมพ์ เขาไม่โดนจับเหรอ
ถ้าเป็นเช่นนั้น …
ป่องปิดหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับดารา "ไทแลนด์บันเทิง" เขาวางมันลงที่เดิม ตรงที่ที่มันเคยวางอยู่
ป่องยิ้มที่มุมปาก ความคิดชั่วได้บังเกิดขึ้นกับเขา หลังจากจบคดีที่เขาทำอนาจารนักศึกษาคนนี้ เขาคิดได้แล้วว่าเขาควรจะอย่างไรกับชีวิตของเขาต่อไป หลังจากจบคดีนี้
อันดับแรก เขาจะไปหาซื้อกล้องดีๆ ซัก 1 ตัว
อันดับต่อไป เขาจะให้พ่อแม่ของเขาที่เป็นคนฐานะทางสังคมสูงคนหนึ่ง ให้ท่านฝากงานให้เขาทำที่ บริษัท "หนังสือพิมพ์ไทยแลนด์บันเทิง"
เมื่อถึงวันนั้นเขาจะได้แอบถ่ายกางเกงในดารา โดยที่เขาไม่ต้องโดนรุมกระทืบ เขาไม่ต้องโดนตำรวจจับ ไม่ต้องโดนประณามจากสังคมว่าเป็นไอ้โรคจิต ไม่ต้องกลัวติดคุกหรือผิดกฎหมาย และที่สำคัญสุดๆ เขายังได้เงินใช้อีกด้วย จากการขายภาพเหล่านั้น

จบแล้วจ้า

อย่าลืมอ่าน เรื่อง ' เรื่องโง่ๆของผู้หญิงคนหนึ่ง ' 'เรื่อง ข่มขืน ;

เรื่อง ข่มขืน #2 ที่หมวด ระทึกขวัญ

เรื่อง มหัสจรรย์ของความรัก ที่ หมวด ซึ้งกินใจ [ อาจทำไห้คุณเสียน้ำตา ]
เรื่อง ความรักของฟิล์ม ที่ หมวด ซึ้งกินใจ [ อาจทำไห้คุณเสียน้ำตา ]

ด้วยนะ จาก mangpong

2.เรื่องสั้น เรื่องโง่ๆของผู้หญิงคนหนึ่ง'( แต่งให้ผู้หญิงคนที่ผมรัก )

เรื่องโง่ๆของผู้หญิงคนหนึ่ง
ฝ้ายร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย เมื่อเธอรู้ว่าตัวเธอเองจะต้องแต่งงานกับผู้ชายที่พ่อเธอหามาให้
"นี้มันปีสองพันแล้วนะคะคุณพ่อคุณแม่ เขาไปถึงดาวอังคารกันแล้ว แต่พ่อกับแม่ยังหัวโบราณไม่สิ้นสุด จะเอาหนูไปยกให้ใครเขาก็ไม่รู้ พ่อกับแม่ทำไมถึงใจร้ายกับลูกอย่างนี้ค่ะ"ฝ้ายพูดทั้งน้ำตานองหน้าอย่างน้อยใจ
"แต่ผู้ชายที่พ่อกับแม่หามาให้ลูก เขาเป็นคนมีฐานะดี เป็นคนมีอนาคตที่ดี เขาจะสามารถเลี้ยงลูกของแม่ให้สุขสบายได้เป็นอย่างดี" แม่พยายามอธิบายให้ฝ้ายเข้าใจ
"หนูไม่เคยเห็นหน้าเขา ไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ และที่สำคัญหนูไม่ได้รักเขา"ฝ้ายปฏิเสธทุกคำพูดของพ่อกับแม่
"อยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็รักกันเองนะแหละ ลูกก็น่าจะรู้ ว่าตอนนี้บ้านเรากำลังจะถูกเจ้าหนี้ตามทวงถ้าลูกไม่ยอมแต่งงานกับพี่ป่องลูกเสี่ยกำผล ทางนั้นเขาก็จะไม่ช่วยเหลือเรื่องเงินกับทางเรา ทางบ้านเราก็จะต้องถูกยึดต่อไปในวันข้างหน้าลูกจะต้องลำบาก เพราะแม่กับพ่อจะไม่เงินให้ลูกใช้จ่ายเหมือนเคย บ้านก็ต้องเช่าเขาอยู่ ลูกคิดดูให้ดี" พ่อพยายามพูดโน้มน้าวให้ฝ้ายฟังเหตุผลของตน
"ไม่มีเงิน เราก็อยู่กันอย่างจนๆก็ได้นี่ค่ะ เราสามคนพ่อแม่ลูก ช่วยกันทำมาหากินอีกหน่อยเราก็คงจะกลับมามีเงินเหมือนเดิม ก็ได้นี่ค่ะ" ฝ้ายยังคงตั้งป้อมปฏิเสธขอเสนอของพ่อกับแม่
"ชีวิตมันไม่ง่ายอย่างที่ที่หนูพูดหรือเหมือนที่หนูคิดหรอกชีวิตจริงมันยากกว่านั้น" พ่อว่า
"แต่…หนูมีแฟนแล้วและหนูก็รักเขามากด้วย" ฝ้ายยังคงไม่ยอมแพ้
"ความรักมันกินไม่ได้ รักกันมากแต่ไม่มีจะกิน อยู่กันไปเดี๋ยวก็เลิกกัน พี่ป่องลูกของเสี่ยกำพล เขามีพร้อมทุกอย่าง ทั้งหน้าที่การงานมั่นคง ฐานะวงษ์ตระกูลก็มั่งคั่ง มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะไม่เลือกพี่เขานะ" แม่พูดอย่างใจเย็น ใช้ทั้งน้ำร้อนน้ำเย็นมาปลอบลูก
"ไม่เอา ยังไง หนูก็ไม่ยอมแต่งกับพี่ป่องลูกเสี่ยกำพลนั้นเด็ดขาดใครอยากได้ก็ไปแต่งเอาเองซิ" ฝ้ายยังปฏิเสธเสียงแข็ง ร้องให้ฟูมฟาย น้ำตานองหน้า
"ยังไงๆหนูก็ต้องแต่งกับพี่ป่องเขา ที่แม่ทำทุกอย่างก็เพื่อลูก พ่อกับแม่ไม่สามารถทนเห็นลูกที่รักเท่าชีวิตจะต้องตกระกำลำบาก ถ้าลูกยังยืนกรานไม่ยอมแต่งงาน พ่อกับแม่ก็จะตายให้ลูกสาวคนนี้ได้ดู เพราะแม่กับพ่อทน เห็นลูกต้องลำบากไม่ได้จริงๆ" แม่ใช้ไม้ตายสุดท้ายออกมาขู่ลูกสาว

ฝ้ายได้ฟังคำขู่ของแม่ถึงกับยืนอึ้ง "คุณพ่อคุณแม่ใจร้าย" ฝ้ายร้องไห้ฟูมฟาย วิ่งหนีเขาห้องไป

*---------------------------------------------------------------------------------------------------------------*

งานแต่งงาน ระหว่างฝ้ายกับพี่ป่อง ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ถูกต้องตามประเพณีจีน แขกรับเชิญล้วนมากมายทุกคนต่างอยู่ในสังคมชั้นสูง หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าไฮโซ
ฝ้ายไม่อาจขัดใจพ่อกับแม่ได้ เพราะคำขู่ที่จะตายให้เธอดู ฝ้ายจึงไม่อาจปฏิเสธอีกต่อไป แต่ กว่าที่ฝ้ายจะตัดสินใจรับคำพ่อกับแม่ว่าจะแต่งงานกับพี่ป่อง ฝ้ายต้องร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตายอยู่สามวันสามคืน
ในที่สุดฝ้ายก็ต้องแต่งงานกับพี่ป่องลูกเสี่ยกำพลจนได้
*----------------------------------------------------------------------------------------------------------------*

ฝ้ายต้องย้ายมาอยู่บ้านฝ่ายชาย พี่ป่องดูจะพึงพอใจในตัวฝ้าย เป็นอย่างมาก เขารู้มาตั้งแต่แรกว่าฝ้ายไม่อยากแต่งงานกับเขาเท่าไรนัก ด้วยความรักที่ป่องมีให้ฝ้าย เขาจึงต้องเอาใจฝ้ายทุกอย่าง เขาพยายามทำทุกวิถีทางให้ฝ้ายเปลี่ยนใจมารักเขาให้ได้
ฝ้ายเมื่อตัวเธอเองมาเป็นภรรยาพี่ป่อง เวลาเธอไปไหนมาไหน ก็มีรถคอยรับคอยส่งทุกวัน เธอไม่ต้องห้อยโหนรถเมล์เหมือนเคย
งานบ้านที่ฝ้ายเคยต้องทำเมื่ออยู่บ้านพ่อแม่ เดี๋ยวนี้เธอไม่ต้องทำแล้ว เพราะที่บ้านพี่ป่องมีคนคอยรับใช้ ช่วยทำงานแทนเธอทุกอย่าง ฝ้ายมีหน้าที่อย่างเดียวคือ ชี้นิ้วใช้
เสื้อผ้าแต่ก่อนเคยใช้แต่ของถูกๆ แต่เดี๋ยวเธอใช้เสื้อผ้าของมียี่ห้อแบรนด์เนมจากอิตาลี่ ฝรั่งเศส อังกฤษ อเมริกา เธอมีเสื้อทุกยี่ห้อแพงๆ จนเต็มตู้เสื้อผ้า
เตียงที่เธอใช่นอนตอนนี้ก็นุ่มหลังเป็นยิ่งนัก ข้าวของเครื่องใช้ก็ราคาแพงๆ ยามนอนก็นอนห้องแอร์เย็นฉ่ำ ตลอดวัน ตลอดคืน
อาหารการกิน เธอมีแต่ของดีๆให้ทานทุกวัน หมูเห็ดเป็ดไก่ หูฉลาม ปูอลาสก้า
ฝ้าย ทิ้งตัวนั่งบนโชฟาราคาเรือนแสน เธอมองไปรอบห้อง ในบ้านสามีเธอ

"ถ้าวันนั้นฉันยังดื้อรั้น ยืนกรานไม่ยอมแต่งงานกับพี่ป่อง ฉันก็คงต้องโหนรถเมล์ เบียดเสียดกับผู้คน ใส่แต่ชุดทำงานเสื้อผ้าเก่าๆไม่มีราคา ทั้งซีดทั้งโทรม ต้องอาศัยอยู่ในห้องเช่าแคบๆเหม็นอับ เหม็นชื้น นอนก็ต้องนอนบนเสื่อ ศอกช้ำเขาเสีย เงินทองที่จะต้องใช้ก็คงขาดแคลนไม่พอใช้ให้ชนเดือน" ฝ้ายพูดกับตัวเอง ในห้องนอนที่ไร้ผู้คน "เฮ้อ" ฝ้ายถอนหายใจอย่างโล่งอก
"พ่อแม่ท่านช่างฉลาดนักที่พยายามบังคับฉันให้แต่งงานกับพี่ป่อง…"
ฝ้ายหยุดคิดนิดนึ่ง "ส่วนฉันนี่ช่างเป็นผู้หญิงที่โง่จริงๆ ที่ร้องห่มร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย ไม่ยอมแต่งานกับพี่ป่อง ถ้าวันนั้นฉันไม่ยอมแต่งงานกับพี่ป่องตามที่แม่กับพ่อหามาให้ วันนี้ฉันคงเป็นผู้หญิงที่ โง่ โง่ โง่ หละก็ โง่ จริงๆ"

จบแล้วจ้า



เมื่ออ่านเรื่องนี้จบเราจะเจอคนที่มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ 3 ประเภท
ประเภทที่ 1 ; คนที่เห็นด้วยกับฝ้าย' ฝ้ายคิดถูกแล้วที่เลือกป่อง'
ประเภทที่ 2 ; คนที่ไม่เห็นด้วยกับฝ้าย' ฝ้ายคิดผิดแล้วที่เลือกป่อง ฝ้ายไม่ควรเห็นแก่เงิน ทิ้งแฟนมาแต่งงานกับป่อง'
ประเภทที่ 3 ; เฉยๆ
ถ้าคุณเป็นคน..........
ประเภทที่ 1 ; คุณคือคน กร้านต่อโลก มองโลกในแง่ของความเป็นจริง บูชาความถูกต้อง เขาคือใอ้มดแดง
ประเภทที่ 2 ; คุณคือคน อ่อนต่อโลก สดใส น่ารัก มีเสน่ห์ บูชาความรัก จะใช้ความรักมาอบกู้โลก สู้เค้าต่อไปนะใอ้มดแดง
ประเภทที่ 3 ; คุณคือคน ปรับตัวเก่ง มองโลกอย่างกลางๆ เจ้าชู้ ฉลาดแกมโกง เราเจอตัวโกงแล้วใอ้มดแดง
แล้วคุณล่ะ เป็นคนประเภทใหน แต่.... อย่าบอกนะว่าคุณไม่ใช่คน



อย่าลืมอ่าน เรื่อง ' ไอ้โรคจิต ' ' ข่มขืน'

เรื่อง ข่มขืน # 2 นางงาม[ ที่ หมวด ระทึกขวัญ]

เรื่อง มหัสจรรย์ของความรัก ที่ หมวด ซึ้งกินใจ [ อาจทำไห้คุณเสียน้ำตา ]
เรื่อง ความรักของฟิล์ม ที่ หมวด ซึ้งกินใจ [ อาจทำไห้คุณเสียน้ำตา ]
ด้วยนะ ขอบคุณ จาก mangpong

3.เรื่องสั้น เพราะรัก no,1

เรื่อง

เพราะรัก


ในร้านแม็คฯ ที่เขาขายขนมโดนัทชื่อดังนั่นแหละอยู่ใจกลางกรุงฯ

"อ้อยจะกินน้ำเปล่า ทำไมป่องไม่เอามาให้อ้อย" เสียงอ้อยแว๊ดดังลั่น ความสงบในร้านแม็คฯ หายไปสิ้น เสียงของเธอดังระดับ 90 เดซิเบล มันคือมลพิษทางเสียงดี ๆ นั่นเอง

ลูกค้าทุกคนในร้านแม็คฯ ต่างหันมามองที่โต๊ะอ้อยกับป่องนั่งอยู่

"อ้อยจะโวยวายทำไม กะแค่น้ำเปล่าแก้วเดียว อ้อยก็เดินไปเอามาเองซิ" ป่องแฟนหนุ่มของอ้อย รู้สึกอายผู้คนที่มองมาจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี กระซิบกระซาบพูดกับอ้อยแฟนสาวของตนที่โวยวายลั่นร้าน ผู้หญิงอะไรกันโวยวายเก่งชะมัด เอาแต่ใจก็ที่ 1 ขี้งอนก็ที่ 2 เจ้าอารมณ์ก็ที่ 3 นิสัยอันไหนที่ผู้ชายไม่ชอบให้ผู้หญิงทำ อ้อยจะทำมันและมันมีอยู่ในตัวอ้อยครบหมด นี่ถ้าเขาไม่รักนะเดินหนีไปดื้อ ๆ โชคของเธอยังดี ที่ป่องรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น

"ก็ตอนคุณเดินไปห้องน้ำ อ้อยสั่งให้ป่องเอาน้ำเปล่ามาให้ด้วย ทำไมป่องไม่เอาน้ำมาให้ด้วย" อ้อยเริ่มตาแดง ๆ เธอนึกน้อยใจในตัวแฟนหนุ่มของเธอยิ่งนัก เขาคงหมดรักเธอแล้ว เพราะการกระทำวันนี้เขาเปลี่ยนไป มันไม่เหมือนตอนแรกรัก เธออยากจะได้นู้น เธอก็จะได้นู้น เธออยากจะได้นี่ เธอก็จะได้นี่ เธออยากจะได้นั่น เธอก็จะได้นั่น ป่องแฟนของเธอไม่เคยปฏิเสธที่จะหามาให้

แต่วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น แค่น้ำเปล่าเพียงแก้วเดียว เขายังไม่ยอมเอามาให้เธอ เขาเปลี่ยนไปจริง ๆ หรือเขา............จะหมดโปรโมชั่นกับเราแล้วเหมือนอย่างยายเก๋เพื่อนของเธอเคยบอก

"ยัยอ้อย แกจงรู้เอาไว้นะเว้ย ตอนแรกรัก ผู้ชายจะมีโปรโมชั่นให้ผู้หญิงเสมอ"

"โปรโมชั่นอะไรของแก ยัยเก๋ ฉันฟังแล้วไม่เห็นเข้าใจเลย"

"ก็เหมือนกับโปรโมชั่นโทรศัพท์มือถือนั่นแหละ โทรน้านนานชั่วโมงละบาท ถ้าโทรครบ 10 ชั่วโมง แถมโทรฟรีอีก 1 ชั่วโมง อะไรแบบนั้นแหละ

ผู้ชายก็เหมือนกัน แรกรัก ผู้ชายมันจะมีโปรโมชั่นให้ผู้หญิงเสมอ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ชายมักพูดว่า คุณอ้อยครับถ้าคุณอ้อยรับรักผมนะ ผมจะมีโปรโมชั่นให้คุณคือ คุณจะได้โปรโมชั่น ผมจะรักเดียวเพียงคุณ โปรโมชั่นเอาใจคุณ โปรโมชั่นชมคุณว่าสวยที่สุดในโลก โปรโมชั่นมารับมาส่ง มาเลี้ยงข้าวพาไปดูหนัง โปรโมชั่นรองรับอารมณ์ร้าย ๆ ของคุณ และอื่น ๆ แรกรักผู้หญิงได้โปรโมชั่นแบบนี้จากผู้ชายเกือบทุกคน (ยกเว้นฉุดเขามา , คลุมถุงชน)" เก๋พูดยาวเหยียด และหยุดกลืนน้ำลายนิดนึง

"ถ้าผู้ชายเป็นอย่างนั้นจริง ๆ โทรศัพท์เขายังมีหมดโปรโมชั่น แล้วกี่ปีผู้ชายถึงจะหมดโปรโมชั่น" อ้อยถามอย่างสนใจ

"2 ปี จากผลการสำรวจของอีแบคโพล แต่อายุการหมดโปรโมชั่น มันก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ชายมันได้อะไรจากผู้หญิงครบหรือยัง ถ้าเขาได้เพียงแค่จับมือถือแขน โปรโมชั่นยังอยู่ครบ ได้หอมแก้ม โปรโมชั่นก็ยังอยู่ครบ คือ ถ้าทำได้เพียงลูบ ๆ คลำ ๆ ผู้ชายไม่มีวันหมดโปรโมชั่นเด็ดขาด แต่ถ้า.......เมื่อไหร่ผู้หญิงพลาดท่าเสียที ตกเป็นของผู้ชายคนนั้นเสียแล้ว โปรโมชั่นก็จะหมดไปตามปริมาณที่ผู้หญิงพลาดท่านั่นแหละ ประมาณ 2 ปี ตามที่อีแบคโพลสำรวจนั่นแหละ ผู้ชายถึงจะหมดโปรโมชั่นนี่นับตั้งแต่ผู้หญิงพลาดท่าครั้งแรกนะ เมื่อหมดโปรโมชั่น หลังจากนั้นนรกดี ๆ นั่นเอง สันดานเก่าของผู้ชายจะพรั่งพรูออกมาจากตัวผู้ชายให้เราได้เห็นจนหมดไส้หมดพุงเลยทีเดียว"

เก๋พูดซะอ้อยมองเห็นภาพเลยที่เดียว "ไม่จริงมั้ง ผู้ชายคงไม่เหมือนกันหมดทุกคนหรอก" อ้อยค้าน "เชื่อฉันเถอะยัยอ้อย ผู้ชาย 10 คน หล่อนจะเจอผู้ชายที่มีรักแท้แค่ 2 คน นอกนั้นเป็นพวกโปรโมชั่นแมนทั้งนั้น ขอให้เธอโชคดี หาผู้ชายสองคนนั้นให้เจอ"

อ้อยนึกถึงคำพูดของยัยเก๋เพื่อนของเธอ มันทำให้เธอนึกกลัว.......กลัวหมดโปรโมชั่น

ฉะนั้น ครั้งนี้เธอจึงยอมป่องไม่ได้ ป่องต้องเป็นคนที่ไปเอาน้ำเปล่ามาให้เธอกินเท่านั้น และถ้าป่องไม่ทำตามความต้องการของเธอ เธอจะสรุปแบบเอาแต่ใจตัวเองว่าป่องหมดรักในตัวเธอแล้ว และเธอจะเป็นคนที่บอกเลิกคบกับป่องเอง น้ำเปล่าแก้วนั้นจึงเป็นเหมือนดั่งฟางเส้นสุดท้ายของเธอกับป่อง "อ้อยเดินไปเอาน้ำเปล่าเองเถอะ" ป่องพูดไม่กล้าสู้ตาอ้อย

"คงเบื่อฉันแล้วซิ ตอนรักกันใหม่ ๆ ใครกันนะพูดว่า จะดูแลเราอย่างนู้นอย่างนี้ พอหมดรัก น้ำเปล่าแก้วเดียวยังเดินไปเอาให้ไม่ได้" ถ้าป่องจะหมดโปรโมชั่นรักกับเธอจริง ๆ อย่างที่ยัยเก๋เพื่อนของเธอบอก เธอก็จะหมดโปรโมชั่นรักกับป่องเหมือนกัน โปรโมชั่นผู้หญิงแสนดี ขี้อ้อน ป่องจะไม่ได้เห็นจากเธออีก โปรโมชั่นยิ้มหวานแสนซื่อ โปรโมชั่นแต่งตัวสวยรักษารูปร่างให้ดูดี เธอจะปล่อยตัวให้อ้วนประชดรัก โปรโมชั่นทำกับข้าวอร่อย ป่องก็จะไม่ได้กินมันอีกเหมือนกันและอื่น ๆ อีกมากมาย อ้อยก็จะขอจบความรักกับตาป่องบ้านั่นด้วยน้ำเปล่าแก้วเดียวนั่นแหละ

"จากโต๊ะเรากับที่ไปเอาน้ำเปล่า ระยะทางไม่ถึง 10 เมตร คุณไปเอาเองก็ได้" ป่องยังไม่รู้ตัวเองว่า ชะตาใกล้ขาดแล้ว

"อ้อยไปเอาน้ำเปล่าเองกินไม่อร่อย น้ำเปล่าที่ป่องไปเอามาให้กินมันถึงจะอร่อย" อ้อยพูดแถกไปข้าง ๆ คู ๆ

"เอาแต่ใจ" ป่องบ่นงึมงำ เหมือนกลัวอ้อยได้ยิน

"ใช่ซิ คงจะหมดรักฉันแล้วจริง ๆ หมดโปรโมชั่นแล้วล่ะซิ เรื่องแค่นี้จึงทำให้ฉันไม่ได้"

ไม่ยอม ชั้นจะต้องไม่ยอม น้ำเปล่าแก้วนั้นมันคือ โอกาสสุดท้ายที่คุณจะได้ครอบครองฉันแล้วนะ ตาป่องบ้า ไม่เข้าใจผู้หญิงเลยรึไง ครั้งนี้อ้อยเธอเอาจริง

"อ้อยออกนอกประเด็นแล้ว แรกเริ่มเราเถียงกันเรื่องน้ำเปล่า"

"น้ำเปล่านั่นแหละ จะพิสูจน์รักของคุณ" ยังไม่รีบไปเอาอีกตาป่องซื่อบื้อ

"ไปกันใหญ่แล้วอ้อย" ป่องพูดอย่างท้อใจ "คุณ....จะ...ไป...เอาน้ำเปล่าให้ฉันมั้ย" อ้อยชักเหลืออด

ป่องไม่อยากโต้เถียงกับอ้อยอีกแล้ว เขาลุกขึ้นจากโต๊ะเดินหายไปซักครู่ใหญ่ ๆ ............ป่องก็เดินกลับมาพร้อมกับน้ำเปล่า 4 แก้ว

"เอ้านี่.........น้ำเปล่าเย็น ๆ กินซะจะได้ใจเย็น ๆ" ป่องพูดน้ำเสียงเคือง ๆ

"คุณประชดชั้นเหรอ น้ำเปล่า 4 แก้วใครจะไปกินหมด"

"เผื่อเอาไว้ เดี๋ยวหิวอีก จะได้ไม่ต้องโวยวาย" ป่องบอก

เหตุปะทะอารมณ์ สงบลง เมื่ออ้อยได้น้ำเปล่าตามที่ใจต้องการ ศึกครั้งนี้เธอชนะ ป่องยอมตามใจเธอ ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร ป่องยังอยู่ในเงื้อมมือของเธอ เธอจะบีบก็ตายจะคายก็รอด ผู้ชายคนนี้................

อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ป่องกับอ้อยก็ลุกขึ้นจากโต๊ะตัวนั้น และเดินออกจากร้านแม็คฯ เพื่อเดินทางกลับบ้าน

ที่โต๊ะตัวนั้นน้ำเปล่า 3 แก้ว น้ำยังเต็มแก้ว และแก้วที่อ้อยกินน้ำเปล่าหมดไปไม่ถึงครึ่งแก้ว

*..............................................................................*


ในรถ อ้อยนั่งนิ่งมาตลอดทางที่กลับบ้าน เธอไม่โกรธป่องแล้ว แต่ที่นิ่ง ๆ นั้น เพราะเธอต้องวางฟอร์ม หายโกรธง่าย ๆ เดี๋ยวป่องได้ใจ

"คนใจร้าย ชอบแกล้งคนที่เขารัก" ป่องพูด

"ใครกันแน่ที่ใจร้าย น้ำแก้วเดียวก็เอามาให้คนที่ตัวเองรักไม่ได้" อ้อยพูดน้ำเสียงงอน ๆ

"ก็ทีแรกเมื่อผมกลับมาจากห้องน้ำ ผมก็จะไปเอาน้ำเปล่ามาให้คุณกินนั่นแหละ แต่ผมมองหากระติกน้ำเปล่าในร้านแม๊คฯ ไม่เจอ ผมก็เลยไม่ได้เอาน้ำเปล่ามาให้คุณ" ป่องบอกความจริงของเขา

"บ้าซิ.........ในร้านแม๊คฯ จะมีกระติกน้ำเปล่าได้ไง มันไม่ใช่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางที่คุณกินเป็นประจำนะ" อ้อยนึกขำป่องเขาซื่อบื้อกว่าที่คิด แต่ไม่กล้าขำ รักษาฟอร์ม

"ใช่....นะซิ..........เกิดจากท้องพ่อท้องแม่ก็เพิ่งเคยเข้าร้านแม๊คฯ กับอ้อยเนี่ยเป็นครั้งแรก เลยไม่รู้ว่าน้ำเปล่ามันอยู่ที่ไหน มันจะใส่กระติกเอาไว้เหมือนร้านก๋วยเตี๋ยวที่ผมเคยกินประจำหรือเปล่า จะถามคนอื่นเขา ผมก็อาย กลัวเขาหัวเราเยาะเอา หาว่าเราบ้านนอกไม่เคยเข้าร้านแม็ค กลับมาที่โต๊ะแฟนจะบอกแฟนเกี่ยวกับเรื่องนั้นไม่ได้กลัวเสียหน้า เดี๋ยวแฟนจะหาว่าบ้านนอก ก็เลยพูดกลบเกลื่อนให้แฟนไปเอาน้ำเอง แต่แฟนกลับมาเจ้าอารมณ์ใส่อีก นึกแล้วสงสารตัวเองจริง ๆ"

"จริงดิ้...................คุณไม่เคยเข้าร้านแม็คฯ"

"ไอ้เราก็กลัวแฟนจะโกรธไปกว่านั้น ต้องแบกเอาหน้ากลมๆของตัวเองไปขายให้กลับพนักงานขาย ถามเขาว่า กระติกน้ำเปล่าอยู่ไหนครับ พวกเขาพากันหัวเราะผมใหญ่เลย เขาบอกว่าที่ร้านนี้ ไม่มีกระติกน้ำเปล่าเอาไว้บริการหรอก เขามีแต่น้ำเปล่าใส่แก้วเอาไว้บริการ เรานี้อายแทบแย่ ทั้งหมดนั้นเพราะรัก" ป่องพูดซึ้ง

"ว้าย.........อ้อยขอโทษ" รู้สึกผิด เธอเจ้าอารมณ์ใส่ผู้ชายคนนี้ได้ไงเนี่ย น่าสงสาร

"ไม่ต้องขอโทษ เพราะไม่เคยโกรธอยู่แล้ว ที่ว่าผมหมดรัก หมดโปรโมชั่นนั่นน่ะ ผมอยากให้คุณรู้เอาไว้ อะไรที่ผมเคยบอกคุณตอนแรกรัก บอกว่าคุณสวย ยิ้มหวาน พาไปเที่ยว ไปรับไปส่ง สิ่งเหล่านั้นมันไม่ใช่โปรโมชั่นจากผม ผมทำมันออกมาจากความรักที่มีต่อคุณ และมันจะไม่มีวันหมดไปจากใจผม" พูดจบป่องหันไปมองตาอ้อย

อ้อยงัดไม้ตายขั้นสุดยอดของเธอมาใช้ เธอยิ้มหวานเห็นไรฟัน หยีตา และหัวเราะ "แหะ แหะ..........เค้าก็รักตัว.......เอง" ยัยเก๋ ฉันเจอผู้ชายหนึ่งในสองคนที่เธอบอกแล้วล่ะ


*..................................จบดีก่า........................................*